ผกก.เมิองพัทยา สั่งเข้มงวดคนดมกาว-คนเร่ร่อนในพื้นที่

วันที่ 7 ก.พ. 2561 ร.ต.อ.มณีรัตน์ จันทร์สันเที๊ยะ รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากครูอาจารย์โรงเรียนเมืองพัทยา5ริมถนนสุขุมวิท ย่านพัทยากลาง ว่ามีชายไทยมานอนอยู่ที่ศาลานั่งเล่นภายในโรงเรียนอยู่เป็นประจำทุกวัน ซ้ำยังเสพสารระเหยอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทางผู้บริหารโรงเรียนกลัวว่านักเรียนจะไม่ได้รับความปลอดภัย ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจสายตรวจ เดินทางไปตรวจสอบ

ที่บริเวณศาลานั่งเล่นติดรั้วหน้าโรงเรียน พบชายไทยทราบชื่อต่อมาคือ นายนิพนธ์ องอาจ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา นอนห่มผ้าอยู่อย่างสบายอารมณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปลุกให้ตื่นแล้วทำการตรวจค้นในตัว แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนบริเวณฝ่ามือทั้ง2ข้างมีคราบสีขาวคล้ายกาวปะยางรถแห้งติดอยู่ เมื่อสอบสวนอย่างละเอียดเจ้าตัวให้การยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ได้แอบดมกาวอยู่ที่ศาลาในโรงเรียน และมักจะมาอาศัยศาลาแห่งนี้เป็นสถานที่นอนกลางวัน พอตกกลางคืนก็จะไปนั่งขอทานอยู่บนสะพานลอยหน้าโรงเรียนหาเงินซื้อข้าวกิน และซื้อกาวปะยางรถจักรยานจากหญิงไทยคนหนึ่งซึ่งนั่งขอทานอยู่บนสะพานลอยเดียวกัน และแอบเอากาวใส่ย่ามมาขายให้ในราคากระป๋องละ50บาท

ต่อมาตำรวจได้รับเบาะแสจากคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันติดกับโรงเรียนว่า ยังมีชายไทยอีก1คนที่มักจะดมกาวอยู่ริมถนนเป็นประจำ และมีที่หลับนอนอยู่บริเวณป่าละเมาะข้างห้างอินเด็กซ์พัทยากลาง ภายหลังจึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นอาคารร้าง มีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ วางกองสุมอยู่ นอกจากนี้ยังมีกระป๋องกาวปะยางรถเก่าถูกวางทิ้งไว้กระจัดกระจาย แต่ไม่พบตัวบุคคลต้องสงสัยแต่อย่างใด เบื้องต้นตำรวจจึงคุมตัวนายนิพนธ์ ไปสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า เนื่องจากตำรวจมีการวางแผนป้องกันเหตุในพื้นที่อย่างรัดกุม จึงทำให้เมืองพัทยาในยุคปัจจุบันนี้ปราศจากคดีอุกฉกรรจ์ใหญ่ๆ ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และยังคงออกกวดขันป้องกันเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบุคคลเร่ร่อนที่มักจะลักลอบดมสารระเหยตามสถานที่สาธารณะในเมืองพัทยา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ดูเผินๆ อาจจะไม่มีพิษมีภัย แต่หากวันใดวันหนึ่งเกิดคุ้มคลั่งเพราะฤทธิ์กาวที่ดมเข้าไปแล้วก่อเหตุร้ายจนสร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตรงนี้ตำรวจคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ก็เลยมอบนโยบายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตระเวนตรวจสอบบุคคลเร่ร่อนที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย เพื่อจะได้นำตัวบุคคลเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.