ไมค์ วู้ดค็อค  เพื่อนรักนักสะสมหอย(2)

ไมค์ วู้ดค็อค   เพื่อนรักนักสะสมหอย(2)

ตอนนี้จอมยุทธ์หอย ขอเล่าเรื่องคนกับหอย ทั้งรัก เศร้า และสนุก ตามอ่านได้เลย....

....................... 

ผมใฝ่ฝันมานานที่จะได้รู้จักกับจิตรกรคนนั้น มนุษย์อัศจรรย์ที่วาดรูปหอยประดับประดาบ้านเพื่อนชาวหอยของผมที่โมซัมบิคอย่างอลังการ

ไม่นึกไม่ฝันว่า บทจะเจอ มันก็ได้เจอ และเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เค้าก็วาดรูปให้ผมในทันที เป็นรูปหอยเบี้ยฟุลตัน (Cypraea fultoni) จากโมซัมบิค

หอยหายากระดับโลกนี้ เขาให้ผมถึงสามภาพ เป็นสามภาพที่แสดงอยู่พร้อมบทความนี้ เป็นสามภาพที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เชื่อมโยงเปลือกหอยสำคัญกับเหล่ามนุษย์ที่ตัวตนเล็กยิ่งกว่าฝุ่นผงในจักรวาล 

คนจะเป็นเพื่อนกัน มันไม่ต้องการอะไรมากมายเลยจริง ๆ

ไมค์มาหนนี้ นอกจากเอาเปลือกหอยที่ดำเก็บได้มาเทกองตรงหน้า ก็ยังบอกเล่าถึงประสบการณ์อีก...ช่วงหลายปีที่ผ่านไป ในโลกของชาวโพลีนีเซียน เมลานีเซียน ไมโครนีเซียน หมู่เกาะที่ทั้งฝรั่งอังกฤษ อเมริกา และโดยเฉพาะฝรั่งเศสที่ต่างส่งกองเรือเข้ายึดครอง ครอบงำด้านความเชื่อ เปลี่ยนศาสนา ภาษา และเก็บเกี่ยวดินแดนไว้ในอาณาเขตของตน 

โดยแท้จริง “ทรัพย์บนดิน” ก็ไม่สู้ “สินในน้ำ” โดยเฉพาะในห้วงน้ำลึกสีน้ำเงินจนเกือบดำ ล้อมรอบหมู่เกาะเหล่านี้นั้น ต่างเต็มไปด้วยทรัพยากรทั้งสรรพชีวิตในท้องทะเลที่ไม่มีวันหมดสิ้น รวมทั้งเหล่าทรัพยากรแร่ธาตุใต้ดิน สินน้ำมันใต้เปลือกโลก 

รายงานและบันทึกการสำรวจทรัพยากรในธรรมชาติหลายร้อยปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ชาติตะวันตกครอบครองทรัพยากรมากมายและไม่มีที่สิ้นสุด จนเป็นที่มาของการสู้รบทั้งก่อนหน้านี้และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังสงครามโลก หลายหมู่เกาะแม้จะได้ชื่อว่าสามารถ “ปลดแอก” มีธงชักขึ้นเสาของตนเอง แต่ข้าวปลาอาหาร ภาษา การศึกษา ความคิด การเงินการธนาคาร รวมไปถึง “ความเป็นชนชาติ”นอกจากจะตกอยู่ภายใต้เงื้อมเงามหาอำนาจจากฟากตะวันตกแล้ว  “สิทธิอาณาเขตเหนือ น่านน้ำทะเล” แทบทุกตารางนิ้ว ยังตกอยู่ในอาณาเขตกองทัพของชาติอาณานิคมดั้งเดิมตลอดไป เพราะชาวเกาะไม่เคยสำรวจและทำรังวัด พื้นที่ทางทะเลไว้นั่นเอง!

 ไมค์ เล่าเรื่องมนุษย์กินคน ชนชาวเกาะตัวยักษ์ ที่อยู่อาศัยของเปลือกหอยร้อยพันชนิดที่เค้าลงทุนดำน้ำไปดู ศึกษา เสาะหามาเอง การเรียนจากท้องทุ่ง ป่าเขา เก้าทะเล สิบทะเล ย่อมให้ผลตรงต่อการรับรู้ของผู้เดินทางไม่น้อยกว่าการอ่านหนังสือเป็นตู้ๆ 

หากเราไม่ไปดู ไปเล่น ไปเห็น หรือจะรู้ซึ่ง “ความจริง”ได้เหมือนการรับรู้ ทรงจำด้วยรสและกลิ่นจากโลกกว้างใบเดียวกันนี้

 หนึ่งวัน หนึ่งคืน ที่เราคุยกัน เหมือนไม่มีวันจบสิ้น... 

สุดท้าย ไมค์อัดบุหรี่ ขยี้ลงพื้นปูนเป็นครั้งสุดท้าย สะพายเป้พาดบ่า ยืนนิ่งสักพัก สีหน้าลอยหายไปในความฝัน ท่ามกลางหมอกควันอุดมนิโคตินที่ผมต้องสำลักนั้น ไมค์ละเมอและเพ้อว่า              “อะไรในโลกนะบอสส์ ยูโหน่ว... มันไม่สวย ไม่งาม ไม่มีอะไรจะน่ารักเท่าเหล่าสาว Vahine (โฉมงาม) ชาวเกาะพวกนั้นเลย แค่มองแว่บเดียวนะ ไอยังหายใจเป็นลูกหลานมนุษย์กินคนพวกนั้นจนถึงทุกวันนี้เลย5555!”