ปัดใช้ 'น้ำมันกัญชา' รักษาโรคมะเร็ง ในคลินิก

ปัดใช้ 'น้ำมันกัญชา' รักษาโรคมะเร็ง ในคลินิก

"นพ.สมนึก" ปัด! ใช้ "น้ำมันกัญชา" รักษาโรคมะเร็งในคลินิก

จากกรณีที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดียว่าคลินิกของนพ.สมนึก ศิริพานทอง มีการใช้น้ำมันกัญชารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.พ.61 นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการสมาคมเซลล์บำบัดไทย กล่าวว่า คลินิกของตนไม่มีการจำหน่ายน้ำมันกัญชาแน่นอน ซึ่งการใช้น้ำมันกัญชาเป็นการใช้ของชมรมผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่มีการใช้กัญชารักษาโรคกันเอง และทราบว่าทางชมรมผู้ป่วยโรคมะเร็งเคยมีการทำหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขออนุญาตใช้ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต เพราะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการตอบจดหมายกลับมาว่าขณะนี้กำลังมีการพิจารณาแก้ไขกฎหมายเรื่องนี้อยู่ แต่ในระหว่างนี้ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้เพราะมีการเสียชีวิตจำนวนมาก ผู้ป่วยจึงมีการนำน้ำมันกัญชามาใช้กันเอง และตนในฐานะนักวิจัยเมื่อทราบก็มีการไปเก็บข้อมูลว่าจริงหรือไม่ และเห็นว่าการใช้สมุนไพรนี้มีประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง แต่ทุกอย่างก็ต้องรอพ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ที่กำลังรอการแก้ไขอยู่ ทั้งนี้ในการสกัดน้ำมันกัญชานั้น ผู้ป่วยทำกันเอง โดยใช้การสกัดด้วยแอลกอฮอล์ แม้แต่ในต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ แคนาดา ก็มีการใช้กัญชา

“ในประเทศไทยกัญชาก็ยังผิดกฎหมายแต่การใช้ของผู้ป่วยก็เปรียบได้กับการขับรถไปชนคนตาย กับขับรถผ่าไฟแดงก็จะมีโทษในระดับที่ต่างกัน ดังนั้นการใช้กัญชาที่ถือว่าเป็นยาเสพติดที่เป็นพืชจากธรรมชาติ และการที่จะมีโทษร้ายแรงว่าค้ากัญชาก็ต้องมีการครอบครองในปริมาณ10 กิโลกรัม แต่ในผู้ป่วยที่ศึกษาจะมีการใช้ประมาณ 200-500 กรัม เท่านั้น ดังนั้นผู้ป่วยที่รักษากันเองถ้าถูกจับก็อยู่ในขั้นของการขับรถฝ่าไฟแดง ก็เป็นความผิดเฉพาะตัวไม่ใช่การค้า แต่ผู้ป่วยน่าสงสารมาก บางรายมารักษาก็ใส่สายสวนที่จมูก หากมีการจับก็ไม่รู้ว่าจะจับผู้ป่วยไปทำไม” นพ.สมนึก กล่าว

สำหรับปริมาณโดสในการใช้น้ำมันกัญชานั้นก็จะใช้ตามกำลังธาตุ เริ่มจากน้อยไปหามาก เท่าที่สังเกตผู้ป่วยจะค่อยๆเพิ่มปริมาณเองขึ้นอยู่กับกำลังธาตุ แต่ขอยืนยันว่าที่คลินิกไม่ได้มีการเปิดขายน้ำมันกัญชาแน่นอน เพราะตนเป็นนักวิจัย ในฐานะแพทย์ก็ทำการเก็บวิจัย ช่วยดูผลจากการใช้ให้ผู้ป่วยเท่านั้น เพราะเห็นกับหลักมนุษยธรรมของมนุษย์ที่ต้องมาก่อน ไม่ใช่รักษาเพราะต้องรอกฎหมายก่อน อย่างไรก็ตามในการใช้นั้นน่าจะเป็นการบอกต่อกันในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่ดูแลและช่วยเหลือกันเองไม่เกี่ยวกับตน

ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เคยมีการอนุญาตให้นำกัญชาหรือน้ำมันกัญชามาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เพราะกัญชาจัดเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผู้นำเข้า ผลิต หรือส่งออกจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-1,500,000 บาท หากครอบครองจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจากนี้ อย.จะมีการไปตรวจสอบ กรณีการใช้น้ำมันกัญชาให้แน่ชัดว่ามีที่มาจากแหล่งใด และขอยืนยันว่ากัญชาว่าไม่มีการอนุญาตให้ใช้กัญชา เนื่องจากทางการแพทย์มีการใช้ยาตัวอื่นที่มีสรรพคุณคล้ายกัญชา และให้ผลคล้ายกัน ใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งอยู่แล้ว และที่สำคัญคือยาดังกล่าวสามารถใช้ได้อย่างถูกกฎหมายอีกด้วย