ก้าวใหม่‘ซีพีเอฟ 4.0’ นวัตกรรมอร่อยลิ้น

เป็นนวัตกรรมที่ใช้เวลาพัฒนากว่า 2 ปี และยังคงพัฒนาต่อเพื่อขยายสู่เชิงพาณิชย์

หนึ่งในผลผลิตไฮไลต์ที่ได้รับรางวัล “ซีพีเอฟ ซีอีโอ อวอร์ด 2017” ร่วมกับผลงานสร้างสรรค์อื่นๆ อาทิ ไข่พะโล้ยางมะตูม นมปราศจากแลคโตส เครื่องดื่มเห็ดหูหนูดำ อาหารกินง่ายที่ซ่อนนวัตกรรมไว้ข้างใน ผลลัพธ์จากแนวทางสร้างนวัตกร-นวัตกรรมของซีพีเอฟ ตั้งเป้าปั้นให้ได้ 1 พันคนใน 2563 เพื่อเดินหน้าสู่องค์กร 4.0

อาหารกินง่าย-ใส่ใจสังคม

“นับตั้งแต่ปี 2550 ที่ซีพีเอฟให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมไปพร้อมกับการพัฒนาคนหรือนวัตกร โดย 5 ปีแรก (ปี 2550-2554) เป็นการวางกรอบและเกณฑ์ รวมถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรม จากนั้นใน 5 ปีต่อมาก็เร่งผลักดันให้เกิดนวัตกรรม และตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่ 3 ในการผลักดันนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ ทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก" นายวิโรจน์ คัมภีระ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะประธานคณะกรรมการนวัตกรรม “CPF CEO Awards 2017” กล่าว

งานซีพีเอฟ ซีอีโอ อวอร์ด 2017 เป็นหนึ่งในโครงการกระตุ้นให้บุคลากรของซีพีเอฟพัฒนานวัตกรรม โดยจัดขึ้นเป็นปีที่ 9 ภายใต้แนวคิด “ก้าวใหม่ ใส่ใจสังคม สรรสร้างเทคโนโลยี สู่วิถียั่งยืน” สอดรับไปกับทิศทางการพัฒนาของซีพีเอฟที่ใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน นายวิโรจน์ กล่าวว่า เมกะเทรนด์จะมุ่งไปที่หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีชีวภาพ ที่ล้วนมีบทบาทกับอุตสาหกรรมอาหาร ดังเช่นผลงานที่ได้รับรางวัลซีพีเอฟ ซีอีโอ อวอร์ด

นมเมจิโกลด์แอดวานซ์ ซึ่งเป็นนมปราศจากแลคโต เกิดขึ้นจากการมองเทรนด์ของผู้สูงอายุและพบว่า คนวัย 50 ปีขึ้นไปนั้นส่วนมากดื่มนมแล้วท้องเสีย เพราะไม่สามารถย่อยแลคโตสในนม จึงพัฒนาเป็นนมปราศจากแลคโตสที่ใช้เมมเบรนกรองแลคโตสออกบางส่วน จากนั้นใช้เอนไซม์ไปย่อยแลคโตสที่เหลือ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นนมที่ทดสอบแล้วไม่มีแลคโตสเลย ทั้งยังเพิ่มแคลเซียมและวิตามิน

ขณะที่ไข่พะโล้ยางมะตูม เป็นการพัฒนาอาหารพร้อมรับประทานที่ทำให้ไข่แดงสุกเป็นยางมะตูมโดยไม่แห้งแข็ง น้ำพะโล้เป็นเจล เป็นนวัตกรรมด้านกระบวนการผลิตที่ใช้สายการผลิตระดับอุตสาหกรรมทำตั้งแต่การต้มไข่ไปจนถึงการบรรจุ ทำให้เป็นการผลิตที่ปลอดภัยและคงคุณภาพเท่ากันทุกถุง

เครื่องดื่มเห็ดหูหนูดำ ที่พัฒนาเห็ดหูหนูดำที่อุดมไปด้วยโพลีแซคคาไลน์ ที่ช่วยลดคลอเลสเตอรอล และเบต้ากลูแคน ที่มีงานวิจัยชี้ว่า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว และยังไม่ใช้สารเคมีในการถนอมอาหารแต่ใช้กระบวนการสเตอริไรซ์ในการฆ่าเชื้อ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ

ตั้งเป้าผลิตนวัตกร 1 พันคน

ซีพีเอฟวางระบบบริหารจัดการนวัตกรรมตามแนวทางของ CEN16555 โดยมีการพัฒนา “นวัตกร” อย่างต่อเนื่องตามแนวทางของ TRIZ และพัฒนาตัวแทนสิทธิบัตรภายในองค์กร

“นอกจากนวัตกรรมที่ได้ เรายังสร้างนวัตกรภายในองค์กร จากปี 2560 ที่มีนวัตกรในองค์กร 610 คน และอยู่ระหว่างรอประกาศผลอีกราว 100 คนที่จะมีเพิ่มในปีนี้ โดยตั้งเป้าสร้างนวัตกรให้ได้ 1 พันคนในปี 2563 รวมถึงเกิดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร 500 เรื่องในปีเดียวกันจากปัจจุบันที่มีอยู่ 150 เรื่อง” นายวิโรจน์ กล่าว

ปี 2563 ยังจะเป็นช่วงที่เพิ่มหุ่นยนต์ในไลน์การผลิตให้ได้ 500 ตัว จากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 ตัว รวมถึงพัฒนาวิศวกรหุ่นยนต์ที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นใช้งานที่เหมาะกับความต้องการ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การเตรียมสร้างคนและนวัตกรรมเพื่อก้าวสู่ “ซีพีเอฟ 4.0” จะมุ่งเน้น 2 เรื่องคือ การพัฒนาคนเก่งและนวัตกร ที่ต้องเพิ่มนวัตกร TRIZ ให้มากขึ้น และอีกเรื่องคือความเร็วในการพัฒนาและออกสินค้า รวมถึงขยายให้ทันต่อความต้องการ ซึ่งยังต้องทำให้คล่องตัวขึ้น ก้าวให้เร็วขึ้นทั้งในตลาดและวงการนวัตกรรม