Daily Strategy (6 ก.พ.61)

Daily Strategy (6 ก.พ.61)

ลงต่อแต่ต้องเริ่มหาจังหวะซื้อ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดดัชนีตลาดไทยปรับตัวลงต่อตามตลาดต่างประเทศ กรอบดัชนี 1,791-1,820 จุด ตลาดรวมมีความกังวลจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ ส่งผลลบทาง Sentiment ต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างหนัก ทั้งที่ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลักทั่วโลกออกมาดี การปรับตัวลงของตลาดหุ้นครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากเศรษฐกิจโลกหรือปัจจัยพื้นฐาน บจ.ไม่ดี ความผันผวนของตลาดหุ้นครั้งนี้จะคล้ายกับปี 2558 ซึ่งเป็นความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเฟด และราคาหุ้นที่ขึ้นมาแพงเร็วเกินไป แนะนำนักลงทุนรอเวลาและหาจังหวะเข้าซื้อ โดยกลุ่มเด่นในรอบนี้เราก็ยังมองหุ้นกลุ่มพลังงานมีกระแสบวกจากแนวโน้มราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูง แต่ระยะสั้น อาจจะต้องหาหุ้นปลอดภัย และไม่ถูกกดดันจากกระแส Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศ เราเลือก ADVANC, AJ และ CHG  ระยะสั้นมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (เด่นที่ KCE) กลุ่มอาหารการเกษตร (เราเริ่มจับตา GFPT) กลุ่มเหมืองแร่ (เรายังชอบ BANPU)

 

หุ้นเด่นวันนี้: ADVANC (ปิด 194.50 บาท, “ซื้อ”, AWS TP 219.00 บาท)

  • เราแนะนำ ADVANC เนื่องจากธุรกิจยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอยู่ โดยจะเติบโตจากธุรกิจ Data และ Internet Broadband นอกจากนี้เราเชื่อว่าบริษัทยังคงต้องการประมูลคลื่นเพื่อรองรับ Capacity ของฐานลูกค้าซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม โดยเราคาดว่า ADVANC จะสามารถประมูลคลื่น 1800 MHz มาได้ 1 ใบ โดยจะนำมาใช้ร่วมกับของเดิมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเราแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 219 บาทต่อหุ้น
  • Price Pattern ของ ADVANC ยังคงมีความแข็งแกร่งในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ADVANC มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 199 บาท โดยหาก ADVANC มีความแข็งแกร่งที่มากพอและสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 199 บาทได้สำเร็จ จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 220 บาท ทั้งนี้ ADVANC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 192 บาท  (Resistance: 195.00, 196.00, 197.50; Support: 194.00, 193.00, 191.50)

 

ปัจจัยในประเทศ:

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 0 และเพิ่มขึ้นจาก 79.2 ในเดือน ธ.ค. นับเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน หนุนโดยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคส่งออกและท่องเที่ยว (บางกอกโพสต์)
  • คาดค้าปลีกคึกคักแย่งยอดขายในช่วงตรุษจีน: การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยมีความร้อนแรงมากขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการเพิ่มงบประมาณการตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะมียอดใช้จ่ายแตะระดับที่ 53,000 ล้านบาท (Bangkok Post) ความเห็น: การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้คาดว่าจะสูงขึ้นเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศขยายตัวและกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้น

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ปิดร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายหุ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ท่ามกลางความตื่นตระหนกต่อกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ หลังจากตัวเลขจ้างงานและค่าแรงในสหรัฐขยายตัวมากกว่าคาด
  • ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ:ดอลล์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก DXYO อยู่ที่ 89.657 จุด ปรับตัวขึ้น 3 วันต่อเนื่อง หลังจ้างงานสหรัฐพุ่งหนุนคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 9 ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.5 นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณในวันนี้ ก่อนที่งบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันพฤหัสบดีนี้ โดยการลงมติในวันนี้มีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) จำนวนกว่า 7 แสนคน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะยกเลิกโครงการดังกล่าวภายในวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งจะส่งผลให้มีการเนรเทศผู้อพยพเหล่านี้กลับประเทศ
  • ตลาดหุ้นยุโรป:ปิดร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของเยอรมนี หลังจากมีรายงานว่าพรรคการเมืองต่างๆในเยอรมนียังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาล
  • ตลาดหุ้นลอนดอน:ปิดร่วงลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ถูกเทขายอย่างหนัก ในความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น:ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,267.00 จุด ลดลง 415.08 จุด, -83%

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาทองคำ:ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 1,336.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่สอง เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและค่าแรงในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้น ได้จุดกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
  • ราคาน้ำมันดิบ: WTI ร่วงลง 30 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 64.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.; เบรนท์ ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก
  • VIX Index(ดัชนีชี้วัดความกลัว) พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์มาที่ 37.32 จุด เพิ่มขึ้น 115%