แนะ 'บิ๊กตู่' แก้ไขปัญหาตรงจุด-หยุดสภาวะขาลง

แนะ 'บิ๊กตู่' แก้ไขปัญหาตรงจุด-หยุดสภาวะขาลง

"องอาจ" ยก 4 ปัจจัยฉุด "รัฐบาลประยุทธ์" ขาลง ชี้ "เลื่อนเลือกตั้ง" ตอกลิ่มลดความเชื่อมั่น หวัง "บิ๊กตู่" ไตร่ตรองแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ชาติ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเป็นเรื่องปกติที่การทำงานในปีท้ายๆของรัฐบาลจะอยู่ในช่วงขาลงว่า รัฐบาลอาจจะอยู่ในช่วงขาลงหรือขาขึ้นได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลเอง ถ้ารัฐบาลทำงานดีมีผลงานประชาชนก็จะให้การสนับสนุนทำให้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ดีไม่มีผลงานเข้าตาประชาชนก็จะทำให้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลงได้

โดยเมื่อพิจารณาปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง น่าจะมาจากสาเหตุสำคัญ 4 ประการ คือ 1.ปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส ซึ่งรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใสมาเป็นระยะจากความพยายามหาประโยชน์จากโครงการต่างๆ จนมาประทุเป็นเชื้อไฟลามทุ่งเมื่อผู้คนมุ่งจับจ้องมาที่เรื่องนาฬิกา 2. ปัญหาเรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่เดิม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงตนอยู่ในสถานะกรรมการใช้ระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ปรับเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น แต่เมื่อประกาศตัวเป็นนักการเมือง มีความพยายามใช้กลไกต่างๆ ที่ตนเองสร้างขึ้นมาผ่านแม่น้ำ 5 สาย ประกอบกับการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่รุกหนักในทางการเมืองมากขึ้น ทำให้สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทั้งกรรมการ และผู้เล่นในสนามการเมืองไปพร้อมกันอันส่งผลให้ถูกมองถึงการสืบทอดอำนาจชัดเจนขึ้น ซึ่งส่งผลถึงความไม่ชอบธรรมในการครองอำนาจ

3.ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี เข้ามามีอำนาจใหม่ๆ ได้ประกาศเรื่องการปฏิรูปประเทศ เรื่องการปรองดองของคนในชาติ แต่เวลาผ่านมาเกือบ 4 ปีการปฏิรูปไม่สามารถสัมผัสได้ โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ , การปฏิรูปการศึกษา , การปฏิรูปสังคมลดความเหลื่อมล้ำ ในขณะที่การปฏิรูปการเมืองก็มีการใส่วิธีการใหม่ๆ เข้าไปในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะตอบโจทย์เรื่องปฏิรูปการเมืองได้หรือไม่ ขณะที่เรื่องการปรองดองก็ยังเป็นเรื่องล่องลอยอยู่ในอากาศ ไม่มีอะไรที่ส่ง สัญญาณให้เห็นเป็นรูปธรรมทำให้ความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาหลักๆ ของประเทศลดลง

ส่วนการเลือกตั้งที่ถูกเลื่อนมาตามลำดับก็ทำให้ความน่าเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ลดลง หลังจากประกาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 พ.ค.57 จะใช้เวลาราว 1 ปีเริ่มเข้าสู่การเลือกตั้ง จากนั้นวันที่ 10 ก.พ.58 ก็ประกาศที่ประเทศญี่ปุ่นว่าเตรียมแผนคิดเลือกตั้งสิ้นปี 2558 หรือต้นปี 2559 แล้วเมื่อวันที่ 28 ก.ย.58 ยังกล่าวระหว่างหารือกับ เลขาธิการสหประชาชาติ ว่าคาดจะประกาศเลือกตั้งกลางปี 2560 และเมื่อเดินทางไปพบ ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ประกาศอีกครั้งว่าเลือกตั้งเดือน พ.ย. 2561 จนมาถึงการใช้กลไกแม่น้ำ 5 สาย คือ สนช. ก็ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ออกไป 90 วัน ทำให้กำหนดจะอยู่ประมาณเดือน ก.พ.62 ซึ่งการเลื่อนการเลือกตั้งมาตามลำดับ ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงตามสมควร

4.ปัญหาการแก้ไขเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ถึงแม้รัฐบาลจะโฆษณาว่าเศรษฐกิจโดยรวมดีอย่างไรก็ตาม แต่ความจริงที่ประชาชนสัมผัสได้ ไม่ได้เป็นไปดังคำโฆษณาประชาชนระดับฐานรากยังอยู่สภาพชักหน้าไม่ถึงหลังเศรษฐกิจฝืดเคือง เสียงบ่นระงมเรื่องเศรษฐกิจไม่ดีมีทุกหย่อมหญ้าซึ่งรัฐบาลก็คงทราบดีจึงมีความพยายามที่จะแก้ไข แต่เกือบ 4 ปีก็ยังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนไม่ได้จึงทำให้เป็นอีกเหตุปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลยังอยู่ในช่วงขาลง

นายองอาจ ย้ำอีกว่า จากสาเหตุปัจจัยทั้ง 4 ประการที่ทำให้เกิดปัญหา ส่งผลเป็นเงื่อนไขทำให้รัฐบาลและ คสช.อยู่ในสภาวะขาลงนี้ ถ้านายกฯ ไตร่ตรองทบทวนดูให้ดีและหาวิธีการแก้ไข ก็อาจจะมีส่วนช่วยให้สภาวะขาลง เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ แต่ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามกลไกอำนาจต่างๆ โดยไม่ยอมแก้ไขก็ย่อมทำให้กลายเป็นสภาวะขาลงมากยิ่งขึ้น ปัญหาซ้อนปัญหาจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวมและไม่เกิดผลดีต่อใครทั้งสิ้น จึงอยากเห็นนายกฯ แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดหยุดสภาวะขาลง เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ด้วยดีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมต่อไป