'รมว.คลัง' ยัน 2 มี.ค. 'ตลท.' พร้อมใช้ T+2

'รมว.คลัง' ยัน 2 มี.ค. 'ตลท.' พร้อมใช้ T+2

"รมว.คลัง" ยัน 2 มี.ค. นี้ "ตลาดหลักทรัพย์ฯ" พร้อมใช้ระบบ T+2 เชื่อลดความเสี่ยง-ลดต้นทุน พร้อมขอประชาชนอย่ากังวลระบบไอทีสถาบันการเงินล่ม

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุม National e-payment โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศถึงความพร้อมที่จะลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เหลือ 2 วันทำการ (T+2) จากเดิม 3 วันทำการ หรือ (T+3) โดยจะเริ่มในวันที่ 2 มีนาคมนี้อย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยลดความเสี่ยง ลดต้นทุน และช่วยให้ผู้ลงทุนบริหารพอร์ตการลงทุนระหว่างประเทศได้สะดวกมากขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง จะส่งหนังสือเวียน เพื่อออกประกาศให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐ จะต้องรับและจ่ายเงิน ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อลดการใช้เงินสด ซึ่งถือเป็นนโยบายของภาครัฐที่จะให้ประชาชนเข้าสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมด วางแผน และกำหนดวันอย่างเป็นทางการที่จะใช้ระบบรับและจ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการภายใน 6 เดือนนี้

"หากภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้าสู่กระบวนการรับและจ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนภาคเอกชนหันมาใช้ระบบดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกได้ค่อนข้างมาก สำหรับการโอนเงินของภาคประชาชน มีความก้าวหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งขณะนี้แบงก์ได้พัฒนาสู่การชำระเงินแบบมีเงื่อนไขได้ หรือ request to pay (รีเควสทูเพย์) เนื่องจากในปัจจุบัน อีคอมเมิรซ์ขยายตัวมาก และพบปัญหาว่า ลูกค้าได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หรือ การไม่ได้รับสินค้า ดังนั้นหากมีระบบนี้จะทำให้ลดความเสี่ยงในการซื้อสินค้าออนไลน์ได้มากขึ้น ซึ่งแบงก์จะจ่ายเงินถึงมือร้านค้า ต่อเมื่อมีการส่งมอบของที่ตรงกับที่สั่งเท่านั้น และจะมีการระงับการชำระได้เช่นเดียวกัน" นายอภิศักดิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ระบบของสถาบันการเงินล่มในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา รวมถึงช่วงเทศกาลนั้น ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อมีประชาชนใช้ หรือ ทำธุรกรรมในช่วงเวลาเดียวกันเป็นจำนวนมาก จึงไม่อยากให้ประชาชนตกใจ หรือ ไม่มั่นใจต่อระบบของธนาคาร เนื่องจากธนาคารก็ได้ติดตาม และแก้ไข และพยายามปิดข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น