บันทึกใต้แสงดาว บนเรือเวิลด์ดรีม

บันทึกใต้แสงดาว บนเรือเวิลด์ดรีม

ยิ่งดึกลมยิ่งแรงแทบยืนไม่อยู่ เรายืนเกาะราวระเบียงดาดฟ้าชั้นบนสุดของเรือเวิลด์ดรีมแน่น ขณะยืนชมการแสดงแสง สี เสียง รอบปฐมทัศน์บนเรือสำราญลำใหม่และใหญ่ที่สุดของเอเชีย ที่มีชื่อว่า เวิลด์ดรีม

เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นทริปแรกและเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของเวิล์ดดรีม(World Dream) เรือสำราญหรูหรา ที่เปรียบเสมือนกับรีสอร์ทเคลื่อนที่กลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มเรือ Dream Cruise ด้วยขนาด 151,300 กลอสตัน ความยาว 335 เมตร กว้าง 40 เมตร สูง 19 ชั้น ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 1,674 ห้อง ห้องอาหารและบาร์ 27 ห้อง รองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 3,400 คน

ด้วยความใหญ่และใหม่ ทำให้ทุกฝ่ายดูตื่นเต้นไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าภาพ พนักงานในทุกๆส่วน รวมไปถึงแขกรับเชิญที่ร่วมลงเรือในทริปประวัติศาสตร์ อันประกอบไปด้วยบุคลสำคัญ ฝ่ายเจ้าภาพอาทิเช่น นายตัน ชวี ลิม ค็อกเทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Genting Hong Kong (ผู้ดำเนินธุรกิจเรือสำราญในนาม Dream Cruise) นายเคนท์ ชู ประธาน Genting Cruise Lines ฝ่ายแขกผู้มีเกียรติ ได้แก่ นางแคร์รี่ หลำ เชง ยุต หงอ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง นายเอ็ดเวิร์ด เหยา เลขาธิการทบวงการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องก่อง นางสาวเคธี่ ชู กรรมาธิการการท่องเที่ยว และ ดร.ปีเตอร์ แลม ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง รวมทั้งครอบครัวผู้สร้างเรือจากเยอรมันก็ร่วมเดินทางด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานเปิดตัวจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน บนบกบริเวณท่าเทียบเรือไคตั๊ก การท่องเที่ยวฮ่องกงจัดแสงสีเสียงและยิงพลุร่วมเฉลิมฉลอง ขณะที่ภายในเรือจัดพิธีกันในโรงละครขนาดอลังการ โดยการทำพิธีตั้งเรือและปล่อยเรือลงสู่น้ำอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นสิริมงคลโดยมี God Mother ของเรือ คือ นางพวน ชวี เซซิเลีย ลิ้ม ภริยาของนายตัน ชวี ลิม ค็อกเทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Genting Hong Kong ทำการขว้างขวดแชมเปญตามธรรมเนียมปฏิบัติด้วยเทคนิคแสงสีตระการตาบนเวที

เรือแล่นออกจากท่าเรือไคตั๊กขณะการแสดงบนเวที Sonio ถ่ายทอดเรื่องราวของการเดินทางครั้งใหม่ในดินแดนที่เต็มไปด้วยฝันและจินตนาการ ผ่านนักแสดงหลักที่เป็นทั้งนักเต้นรำชั้นดี นักกายกรรมที่มีความสามารถ โดยมีทั้งนักร้อง ฉาก แสง สี ชนิดจัดเต็ม

การเฉลิมฉลองดูเหมือนจะเกิดขึ้นตลอดเวลา 2 คืน บนเรือสำราญเวิลด์ดรีม โดยมีตารางกิจกรรมจัดวางไว้ในห้องพักให้เราได้เลือกเข้าร่วมได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนต์กลางแจ้ง การแสดงในโรงละครยามค่ำ คาราโอเกะ ดิสโก้เทค กิจกรรมเอ้าท์ดอร์ ได้แก่ ปีนหน้าผาจำลอง ปีนเชือกพร้อมโรยตัวบนชั้นดาดฟ้า มินิกอล์ฟ โบว์ริ่ง สนุกเกอร์ ลานวิ่งออกกำลังกาย สนามบาสเก็ตบอล รวมไปถึงโซนเกม VR ที่มีเกมจำลองแข่งรถยนต์ของ Versaro

และการแสดงเลเซอร์ ประกอบโชว์ดอกไม้ไฟก็เป็นอีกหนึ่งโชว์ในยามค่ำคืนที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เช่นกัน

คืนแรกในเรือสำราญเราหลับสนิทภายในห้องนอนขนาดกะทัดรัดที่มีระเบียงส่วนตัวให้นั่งชมคลื่น รับอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด เช้าวันใหม่ เราออกไปทักทายคลื่นตรงระเบียงห้องก่อนออกไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารทางท้ายเรือ ห้องอาหารมีให้เลือก 2 ห้อง แต่เราพบว่าเป็นห้องที่เชื่อมถึงกันได้แม้จะอยู่คนละชั้น โดยมีบันไดหรูเชื่อมถึงกัน ห้องด้านล่างให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์แบบตะวันตก มีอาหารจีนเช่นก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ แซมอยู่ด้วย ส่วนห้องด้านบนให้บริการอาหารจีน เสิร์ฟเป็นชุดอาหารเช้าที่สามารถสั่งเพิ่มเติมได้ในเมนูที่ชอบ ชุดอาหารที่จัดมาค่อนข้างพรั่งพร้อม มีทั้งขนมจีบ ซาลาเปา โจ๊ก ผัดผัก ตีนไก่ผัดซอส และก๋วยเตี๋ยวราดหน้า

การใช้ชีวิตอยู่บนเรือเงินสดโปรดเก็บไว้ในกระเป๋า เมื่อรับคีย์การ์ดของห้องพักแล้ว การ์ดนั้นจะใช้ซื้อสินค้าและบริการบนเรือได้แทนเงินสด แล้วค่อยไปเคลียร์บิลกันตอนเช็คเอ้าท์

ในส่วนของห้องอาหารจะมีช่วงเวลาในการให้บริการ เช้า กลางวัน เย็น ส่วนอาหารว่างยามบ่ายก็มีแซนด์วิช ขนมเค้ก ให้บริการที่ห้องอาหารริมสระว่ายน้ำตรงดาดฟ้า อันนี้ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเพราะรวมอยู่ในค่าเดินทางอยู่แล้ว

เว้นในส่วนของห้องอาหารบริเวณลอบบี้ วินเทจรูม โซนอาหารที่มีเชฟประจำโต๊ะที่แสดงวิธีการปรุงอาหารให้รับประทาน พร้อมเสิร์ฟไวน์ชั้นดี

ถ้าจะชอปปิง มีแบรนด์ดังในดิวตี้ฟรี ทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา และเครื่องประดับ Tiffany & Co. ซึ่งนำนางแบบมาเดินแฟชั่นโชว์พิเศษให้ชมกันด้วย

เราเดินสำรวจห้องพักแบบต่างๆพบว่า ห้องขนาดเล็กที่สุดที่ไม่มีหน้าต่างได้รับการออกแบบได้อย่างน่าอยู่ ด้วยการแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสบายจนลืมไปว่าไม่มีหน้าต่าง ในขณะที่ห้องพักแบบมีระเบียงที่เราได้พักนั้นมีถึงร้อยละ 70 ส่วนตัวชอบห้องแบบไททานิคที่มองเห็นระเบียงกว้างตรงหัวเรือ เพราะชอบกรอบหน้าต่าง

แต่ไม่ว่าจะอยู่ห้องแบบไหน เชื่อว่าการเดินทางมาเรือสำราญ หลายๆคนน่าจะชื่นชมกับการออกมารับสายลม แสงแดด รวมไปถึงมุมต่างๆที่เลือกไปใช้ชีวิตได้ตามรสนิยมของแต่ละคน

โดยไม่ต้องห่วงว่าจะหลุดจากการสื่อสารในโลกโซเชี่ยลเพราะมีระบบดาวเทียมเชื่อมโยงให้คุณติดต่อกับโลกได้อย่างไม่ตกข่าว ขณะที่คุณลอยล่องอยู่กลางมหาสมุทร

เที่ยวเรือปฐมฤกษ์นี้พาเราล่องไปน่านน้ำสากล 2 คืน ก่อนนำเราเทียบท่าที่ไคตั๊กอดีตสนามบินที่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนมาเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ คืนสุดท้ายคลื่นแรงไม่น้อย รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของเกลียวคลื่นอันทรงพลัง

การขึ้นและลงเรือสำราญ ไม่ต่างจากการเดินทางออกและเข้าฮ่องกง เราต้องผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง คำแนะนำคือ ควรเตรียมเอกสารการจองตั๋วเครื่องบินไปและกลับให้พร้อม รวมทั้งหนังสือเดินทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ถามเรามีหลักฐานแสดงก็จะทำให้ไม่มีปัญหาและเสียเวลาในการค้นหาในกรณีที่เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง

บันทึกนี้ขอจบลงด้วยภาพที่ประทับอยู่ในใจของคืนที่ได้ยืนมองดาวอยู่บนดาดฟ้าเรือ ท่ามกลางท้องทะเลสีดำที่ลึกเหลือจะคาดเดา 

ท่ามกลางลมแรงๆที่แทบยืนไม่อยู่แต่รู้สึกชื่นใจดีเหลือเกิน