ซีวิค “แดงแรลลี” เติมอารมณ์ สปอร์ตให้ ซี-เซ็กเมนต์
ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 สร้างสีสันได้มากตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จากนั้นก็มีรุ่นแฮทช์แบ็ค และเครื่องยนต์ตัวแรง 1.5 ลิตร เทอร์โบ ออกมารองรับลูกค้าที่ฮอนด้าบอกว่าการศึกษาตลาด ซี เซ็กเมนต์ พบว่ามีความต้องการรถอารมณ์สปอร์ต
จากนั้นช่วงปลายปีที่แล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์ ฮอนด้า มีรถที่ดึงดูดสายตาบนเวที กับสีแดงที่่เด่นตา ที่เรียกว่า แดง แรลลี หรือ Ralley Red
ผมว่าใครที่ชอบอารมณ์สปอร์ต และไม่รังเกียจรังงอน หรือถูกโฉลก (ถ้าเชื่อ) ก็น่าสนใจทีเดียว เพราะการให้สีของรถนี้ทำออกมาสะใจ เป็นสีแดงที่โดดเด่น สะดุดตา โดดเด่น แต่ไม่โดดนะครับ คุมโทนได้ดี และเลือกใช้สีดำในบางชิ้นส่วนมาตัดในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น กระจังหน้า ช่องดักลม กรอบไฟตัดหมอก ขอบกระจกมองข้าง แม้แต่ขอบโคมไฟท้าย ที่เติมสีดำอ่อนๆ เข้าไป หรือล้อก็ออกแบบได้เข้ากับตัวรถ ดูแล้วส่วนตัวผมว่าสวย น่าขับ
ส่วนภายใน สีดำ ตามรูปแบบนิยมของอารมณ์สปอร์ต ซึ่งภายในของซีวิค แฮทช์แบค กว้างขวาง เบาะนุ่ม นั่งสบาย ด้านหลังก็ใช้ได้เลยกว้างนั่งสบายเช่นกัน องศาพนักพิงรองรับการนั่งนานๆได้ดี และการนั่งที่ดูเหมือนจะจมลงไป แต่ทัศนวิสัยการมองเห็นยังดี ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด
สีแดง แรลลี ทำออกมา 2 รุ่นคือ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร อีแอล และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ อาร์เอส ซึ่งคันที่อยู่กับผมก็เห็น 1.5 ลิตร เทอร์โบ อาร์เอส ที่ให้กำลังสูงสัุ 173 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที
เที่ยวนี้ผมเน้นการขับขี่ในชีวิตประจำวันทั่วไป ขับขี่ในกรุงเทพเป็นหลัก แต่พอได้ม้าทั้งคอกได้ออกกำลังแรงๆ บ้าง บางช่วงของถนนบางนา-ตราด หรือ การบรรทุกจักรยานไปปั่นที่สุวรรณภูมิ ซึ่งการตอบสนองของเครื่องยนต์เร้าใจ ไม่อิดออด แรงมาตามการกดของเท้า รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตอบสนองอารมณ์สปอร์ตได้จริง
ที่ความเร็วสูงๆ รถนิ่งทรงตัวดี พวงมาลัยน้ำหนักพอเหมาะไม่หนักไม่เบา ช่วงล่างยังไม่ออกไปทางสปอร์ตเต็มที่ ยังเอาใจผู้ที่ชอบความนุ่มนวลอยู่บ้าง ทำให้นั่งได้สบาย เจอรอยปูดของตอม่อทางด่วนที่เลนขวาสุดบางนา-ตราด ซึ่งบางช่วงก็มีรอยขูดผิวถนนออกไป ช่วงล่างรับได้สบายๆ แต่ความนุ่มก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสในอารมณ์สปอร์ตมานกั รวมถึงการขับขี่ในเส้นทางโค้งซึ่งมีหลายแห่งบนทางด่วน หรือการเปลี่ยนเลนไปมาอย่างรวดเร็ว เพื่อแซงพวกวิ่งขวาช้าลอยชาย ก็ไม่มีปัญหาอะไร แม้จะรู้สึกได้ว่าตัวถังโยนๆ อยู่บ้างเล็กน้อยเมื่อใช้ความเร็วค่อนข้างสูงในสถานการณ์แบบนั้น เรียกว่าสอบผ่านสบายๆ
ส่วนการขับขี่ทั่วไปในเมืองหลวง สภาพจราจรหนาแน่น เบาะที่นั่งสบาย ตำแหน่งควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ สะดวก ตำแหน่งการวางเท้าทำได้ดี แต่จริงๆ แล้วอยากให้แป้นคันเร่งใกล้กับตัวถังอีกสักหน่อย เพื่อว่าเมื่อต้องแช่ความเร็วคงที่นานๆ จะได้อาศัยเอาข้างเท้าด้านนอกพักไว้กับตัวถังได้บ้าง
ระบบ ออโต้ โฮลด์ ช่วยได้มาก กับการขับขี่ในเขตเมือง เพราะเมื่อเบรกจนรถจอดสนิท ก็ไม่ต้องค้างเท้าไว้ที่เบรก และไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ สามารถคาไว้ที่ D แล้ว ยกเท้าออกจากเบรกได้เลย
ขับขี่อยู่ในกรุงเทพ 200 กว่า กม. ก็ถือว่ามีความคล่อตัวสูง ทั้งจากขนาดรถ ความแม่นยำพวงมาลัย และแรงบิดของรถที่ทำให้เปลี่ยนช่องทางได้รวดเร็ว ปลอดภัย เรียกว่าแม้จะสร้างออกมาเน้นอารมณ์สปอร์ต แต่ก็สามารถพาเจ้ารถที่สีสันสะดุดตา ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยให้คนเหลียวมองได้อย่างไม่เคอะเขินครับ
เสริมออพชั่น สะดวกสบาย-ปลอดภัย
ซีวิค 1.5 ลิตร เทอร์โบ อาร์เอส มีระบบที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองหลายอย่าง เช่น ออโต้เบรก โฮลด์ ที่พูดถึงในตอนต้น และก็ยังมีระบบนำทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมการรับโทรศัพท์ ระบบความบันเทิง เช่นวิทยุ ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี 2 ช่อง ช่องเชื่อมต่อเอชดีเอ็มไอ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง เอาไว้ใช้งาน สิริ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย หรือบลูทูธ มอนิเตอร์ปแบบแอดวานซ์ ทัช รองรับแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ ขนาด 7 นิ้ว ลำโพง 8 ดอก ให้เส่ียงทั่วถึง โดยระบบเสียงอยู่ระดับกลางๆ ฟังสบายๆ แต่ไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็ทำให้ขับรถ เดินทางฝ่ารถติดได้เพลินๆ
ซีวิค มีกล้องที่ติดตั้งบริเวณกระจกมองข้างด้านซ้าย จะทำงาน 2 กรณี คือ เมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้ายกล้องจะส่งสัญญาณภาพมาที่จอมอนิเตอร์ ช่วยให้คนขับมองเห็นสิ่งที่ด้านหลังด้านซ้ายได้มากขึ้น เพราะเห็นว่าการมองผ่านกระจกมองข้างอย่างเดียวอาจมีจุดบอดได้ แต่ผมว่าข้อดีอย่างหนึ่งของมันก็คือ ช่วงเวลาที่โพล้เพล้ หรือมืดๆ หรือช่วงฝนตก หากรถที่มาด้านซ้าย โดยเฉพาะจักรยานยนต์ หรือ จักรยานที่ ไม่มีสัญญาณไฟสว่างพอ บางทีมองผ่านกระจกอาจะไม่เห็น แต่กล้องจะมองเห็น ก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น
การทำงานอีกกรณีหนึ่งคือ ถ้าผู้ขับอยากจะใช้กล้องตรวจสอบ ก็เปิดกล้อง โดยกดปุ่มที่ปลายก้านไฟเลี้ยวด้านขวา
ซีวิค ยังมีระบบคอมพิวเตอร์ ออนบอร์ด ที่รายงานข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลการขับขี่ปัจจุบัน ความเร็ว เฉลี่ยน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ความเร็วเฉลี่ย ระยะทางที่จะใช้งานได้กับน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง รวมถึงรายงานสถานะของรถ ระยะทางที่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น หรือว่า เข็มทิศ ก็มีให้เลือกได้เช่นกัน โดยแสดงที่บริเวณจอแสดงผลหลังพวงมาลัย
ส่วนระบบอื่นๆ ก็ใส่มาเต็มที่ ไมว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดแอร์จากรีโมท เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา
กล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลม รวม 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัย 3 จุด 5 ตำแหน่ง เบรก เอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน หรือว่า เบรกมือไฟฟ้า เป็นต้น