'บ้านนอกคอกนา' ฟาร์มสเตย์มีสไตล์

'บ้านนอกคอกนา' ฟาร์มสเตย์มีสไตล์

“กลับบ้านนอกกันมั้ย..”

ถ้าภาพในใจของคุณคือ ทุ่งนาสีเขียวตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าจัด คลองเล็กๆ ที่มีสะพานท่าน้ำให้นั่งชิลล์ แปลงผักสารพัดชนิดในสวนหลังบ้าน ที่นี่...บ้านนอกคอกนา เขาใหญ่ มีทุกอย่างที่ว่ามา จะต่างออกไปก็ตรง...บ้านนอกแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่โหยหากลิ่นอายชนบทและรักความเป็นธรรมชาติ เพราะสาวร่างเล็กผู้ลงทุนลงแรงสานฝันของตัวเองบนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ยินดีให้มาทดลองใช้ชีวิตบ้านๆ กับเธอ

“เราเกิดที่นี่ โตที่นี่ พ่อแม่ก็ทำเกษตรมาตลอด ปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพด ปลูกผัก แต่เรามีความฝันว่าอยากทำที่พัก หลังเรียนจบก็มาทำงานอยู่กรุงเทพฯ หาทุนก่อน เก็บเล็กผสมน้อยกับแฟนจนมีเงินพอที่จะกลับมาสร้างฝัน ก็คุยกับพ่อแม่กับพี่ๆ ว่าที่แปลงนี้มันเป็นที่ตาบอดมีน้ำล้อมรอบ ทำอะไรก็ลำบาก อยากจะมาสร้างเป็นที่พัก แต่การทำที่พักของเรา เราต้องรวมตัวกันนะ คนนึงต้องทำเกษตร คนนึงต้องก่อสร้าง คนนึงทำการตลาดนะ เพราะเราไม่สามารถไปจ้างใครได้ ต้องเอาทั้งทุนทั้งแรงมาช่วยกัน ทุกคนก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เราวางแผน” ‘ตุ้ย’ สาริศา เกตุทอง เล่าถึงที่มาของโครงการในฝัน

จากวันนั้นเมื่อสองปีก่อน ที่ดินผืนเดิมได้ถูกปรับให้เหมาะกับการทำที่พักเชิงเกษตร ไม่ปรุงแต่งจนเกินงาม แต่ก็ต้องไม่ลำบากจนเกินไป ตุ้ยบอกว่าเริ่มจากการขุดลอกคลองและทำบ่อน้ำ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง ทุกคนในบ้านช่วยกันลงแรง แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน เก็บต้นไม้ใหญ่ไว้ เพิ่มต้นไม้เล็กๆ สานทางเดินไม้ไผ่เชื่อมไปยังบ้านพัก ซึ่งในส่วนนี้เธอชวนเจ้าของบ้านไร่ไออรุณมาเป็นสถาปนิกช่วยออกแบบบ้านจนลงตัวทั้งความสะดวกสบายและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ใช้ไม้และไม้ไผ่เป็นวัสดุหลัก เสริมด้วยข้าวของที่หาได้ในพื้นที่

“เราเรียกว่าที่พักเชิงเกษตร เพราะจะเรียกโรงแรมหรือรีสอร์ทก็ไม่ได้ คำว่า รีสอร์ท มันก็คือสร้างที่พัก ปลูกหญ้าปลูกต้นไม้ จ้างจัดสวน จบแล้ว แต่ถ้าที่พักเชิงเกษตร คือต้องทำเกษตรตลอดทั้งปี ไม่มีวันจบ ปลูกข้าวเสร็จ ข้าวเกี่ยวแล้วก็ต้องปลูกพืชปรับปรุงดิน เตรียมปลูกข้าวใหม่ตามหลักของเกษตรอินทรีย์ มันจะไม่สามารถสวยตลอดเวลา บางช่วงมานาอาจไม่เขียว บางช่วงมามีปอเทือง แต่ที่พักเราอยากให้มีดีไซน์ ไม่ใช่มุงหญ้าแฝกอย่างเดียว หญ้าแฝกเป็นเสน่ห์ของบ้านนอกอยู่แล้ว แต่เราอยากให้มีดีไซน์เข้ามา แล้วก็มีความสะดวกสบาย เพราะเราไม่ได้อยู่ริมทะเล ไม่ได้อยู่ตีนเขาใหญ่ ไม่ได้อยู่เส้นธนะรัชต์ เราเข้ามาลึกมาก ฉะนั้นก็อยากให้คนที่เข้ามาแล้วรู้สึกแบบ ว้าว...มันมีที่อย่างนี้อยู่ในสถานที่นี้ด้วยเหรอ”

หลังจากเปิดให้เข้าพักตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 เสียงตอบรับก็ดีเกินคาด แม้ถนนทางเข้าจะค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อและใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่เมื่อผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้วเดินไปตามสะพานไม้ไผ่สาน ภาพที่อยู่ต่อหน้าจะช่วยปรับโหมดอารมณ์ให้ใหม่ ไม่ใช่แค่ว้าว...แต่หลายคนคงรู้สึกเหมือนกันว่าโลกหมุนช้าลง ถ้าไม่ขอหย่อนตัวลงบนเปลแล้วแกว่งเบาๆ ก็จัดเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบไปพลางนั่งชมวิวเพลินๆ ที่ร้านอาหารโซนด้านหน้า

“ในร้านอาหารเราใช้ผักที่ปลูกเองมาเป็นวัตถุดิบด้วย เช่น ข้าวโพดทำเป็นเมนูส้มตำข้าวโพดหวาน เราพยายามปลูกทุกอย่างในนี้แล้วส่งมาที่ครัวเพื่อปรุงให้คนที่มาพักได้ทาน” เธอย้ำว่า พืชผักที่นี่ปลูกแบบอินทรีย์ หรืออย่างน้อยก็ปลอดสารเคมี เพราะที่ผ่านมาครอบครัวทำเกษตรเคมีมาตลอด รู้ดีถึงผลเสียที่เกิดขึ้นและพยายามเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่เพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น คนที่มาพักจะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย

“มันอาจจะไม่ห้าดาว แต่ก็มีความสะดวกสบายบวกกับได้การเรียนรู้ ถ้ามาพักที่นี่ เช้ามาจะได้ทำเกษตร เช่นวันนี้ตื่นมาอาจจะปลูกผัก รดน้ำผัก หรือถ้ามาช่วงเข้าออกรวงก็มาเกี่ยวข้าวกัน ซึ่งก็แล้วแต่ฤดูกาล แขกต้องเช็คกับน้องที่รับจองว่าช่วงนี้มีอะไรก็สามารถมาร่วมได้หมด ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”

แม้จะไม่ได้รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แต่การได้ตื่นเช้ามาชมนกชมไม้ จิบกาแฟแก้วโปรดข้างแปลงนา สายๆ ออกมารดน้ำพรวนดิน ยามบ่ายก็หลบร้อนนอนอ่านหนังสือ ตกเย็นดินเนอร์ด้วยเมนูปลอดสารพิษ ก่อนจะเอกเขนกรอดูดาวบนระเบียงดาดฟ้าในยามค่ำคืน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการปลีกตัวจากความวุ่นวายในชีวิตเมืองมาชาร์จพลังบวกให้เต็มอีกครั้ง

“เราบอกพี่ๆ น้องๆ ลูกหลานทุกคนให้ต้อนรับคนที่มาเสมือนว่าเป็นญาติ มานอนบ้านเรา ให้เขารู้สึกเหมือนกลับบ้านนอก ซึ่งบางคนอาจจะไม่มีบ้านนอกให้กลับ บางคนอยู่กรุงเทพฯ ก็ให้ต้อนรับเขาเหมือนที่นี่เป็นบ้านนอกของเขา” เจ้าของบ้านบอกพร้อมรอยยิ้ม และว่า...นี่คือแนวคิดที่มีมาตั้งแต่แรกและเป็นชื่อแรกที่คิดไว้ด้วย

“ทีแรกจะตั้งชื่อว่า ‘กลับบ้านนอก’ เพราะตอนที่อยู่กรุงเทพ สงกรานต์ ปีใหม่ เข้าพรรษา ออกพรรษา ทุกครั้งเราต้องกลับบ้าน เพื่อนถามไปไหน เราก็บอก กลับบ้านนอก เพื่อนฝูงก็บอกเออ...ดีเนอะ มีบ้านนอกให้กลับ พอคิดจะทำอะไรอย่างนี้ก็เลยอยากให้มีคำว่า ‘บ้านนอก’ แต่แฟนบอกว่าคำนี้มันเป็นคำกิริยาแล้วก็ไม่ติดปาก พอดีมีน้องอีกคนบอก ถ้าพี่ชอบคำว่าบ้านนอก เอา ‘บ้านนอกคอกนา’ ดีกว่า เราก็เออ...มันก็ได้นะ ติดปากดี”

สำหรับเธอ บ้านนอกคอกนาไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่เป็นความฝันที่มีคนร่วมฝันเป็นคนในครอบครัว ความสำเร็จของบ้านนอกคอกนาจึงไม่อาจวัดด้วยรายได้อย่างเดียว แต่ต้องวัดด้วยความสุข ทั้งของคนในครอบครัวและแขกที่มาพัก

“เราทำกันแบบครอบครัว เราก็อยากให้พี่มีความสุข พ่อแม่เรามีความสุข แต่ความสุขของคนในครอบครัวกับคนที่มาก็ต้องสมดุล เพราะฉะนั้นอยากให้คนที่จะมาศึกษาสถานที่ก่อน อยากให้เป็นคนที่ชอบที่นี่จริงๆ เพราะการเดินทางเข้ามาผ่านหลุมผ่านทางที่ไม่ดีกว่าจะถึง ถ้ามีความตั้งใจก็จะรู้สึกว่า ไม่เป็นไร เข้าใจ ซึ่งเราและครอบครัวก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

และถ้าตกลงปลงใจปักหมุดกันแล้ว ตอนนี้มีบ้านพักที่พร้อมให้บริการทั้งหมด 8 หลัง บางแบบมีระเบียง มีดาดฟ้า หรือเทอเรส พักได้หลังละ 2 ท่าน และ 4 ท่าน ชื่อบ้านเป็นภาษาอีสานฟังแล้วม่วนซื่นอย่าง บ้านวะวาบ (โล่งสบาย) บ้านสะออน (น่ารัก) บ้านหมานหมาน (โชคดี) ส่วนที่กำลังก่อสร้างเป็นบ้านหลังใหญ่เหมาะสำหรับครอบครัว พักได้ประมาณ 8-10 ท่าน คาดว่ามีนาคมนี้จะเปิดให้บริการได้

“ที่พักเราเป็นแนวธรรมชาติ มานอนอาจจะได้ยินเสียงตุ๊กแก เสียงนก เสียงสัตว์อะไรต่างๆ เช้ามาก็จะมีเสียงนกเป็ดน้ำร้องปลุก อยากให้นึกถึงอารมณ์บ้านนอกเลย อย่านึกถึงอารมณ์เขาใหญ่ แต่เป็นบ้านนอกที่อยู่สบายนะ กินอิ่มนอนหลับ ถ่ายรูปสวย” สาวบ้านนอกกล่าวทิ้งท้าย

ใครอยากกลับบ้านนอกแบบไม่ต้องรอเทศกาล ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปกินลมชมทุ่ง ปรุงความสุขในวิถีเกษตรที่ ‘บ้านนอกคอกนา เขาใหญ่’

...

ที่ตั้ง : บ้านกุดโง้ง หมู่ที่ 7 ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

จุดเด่น : ออกแบบกลมกลืนกับธรรมชาติ เรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์

ราคา/ต่อหลัง : 2,500 บาท (2 คน) 4,500 บาท (4 คน) พร้อมอาหารเช้า

ติดต่อ : โทร. 08 1427 9725, Facebook : บ้านนอกคอกนา เขาใหญ่