คดีพ่อสั่งอุ้ม ฆ่า ‘เสี่ยตุ้ม’ ยิงทิ้งศพผาเสวย จำคุกตลอดชีวิต

คดีพ่อสั่งอุ้ม ฆ่า ‘เสี่ยตุ้ม’ ยิงทิ้งศพผาเสวย จำคุกตลอดชีวิต

ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่า ‘เสี่ยตุ้ม’ นร.นอกทิ้งผาเสวย อีก 2 คน จำคุก 31 ปี และ 2 ปี


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 มกราคม 2561 ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ อ่านคำพิพากษาคดีอุ้มฆ่า นายภาสพล หรือเสี่ยตุ้ม รัตนตยาธิคุณ อายุ 45 ปี นักธุรกิจซื้อขายที่ดิน นักเรียนนอก ชาวกทม. ถูกยิงเสียชีวิตและทิ้งศพไว้ข้างถนน ริมผาเสวย สายกาฬสินธุ์-สกลนคร บริเวณก่อนถึงจุดชมวิวผาเสวย 100 เมตร ต.ผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยพนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ยื่นฟ้อง นายสิทธิ์ฐิคมน์ หรือมนูญ ภัทรเมธาพร อดีตทหารบกยศ พ.อ. นายกิตติภพหรือเฉลา เครือใย อดีตทหารบกยศ ร.อ. นายนำชัยหรือนุต บัวพัฒน์ นายกองหรือวิรัช รัตนตยาธิคุณ บิดาของนายภาสพล ผู้เสียชีวิต นายกันต์ธรหรือแสง กีรติกา และจ.ส.อ.ชูชัย พิมพิทักษ์ เป็นจำเลยที่ 1-6

ทั้งนี้ ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายสิทธิ์ฐิคมน์ นายกิตติภพ นายนำชัย นายกองหรือวิรัช ส่วนนายกันต์ธร จำคุก 31 ปี 6 เดือน และจ.ส.อ.ชูชัย จำคุก 2 ปี

นายราชันย์ เดิมผล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการ จ.กาฬสินธุ์ ที่รับผิดชอบคดีนี้ เปิดเผยว่า เดิมทีคดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา 5 คนแรก ต่อมาอัยการเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาเพิ่มเติมเป็นรายที่ 7 ซึ่งเสนอต่ออธิบดีอัยการภาค 4 เห็นชอบ จนถึงวันนี้ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษา 107 หน้ากระดาษ ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาประมาณ 13.00น. โดยศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1-4 ซึ่งมีเพียงแต่ นายกองหรือวิรัช รัตนตยาธิคุณ บิดาของนายภาสพล ในฐานะผู้จ้างวาน บงการที่ได้รับการประกันตัวออกไปก่อนนี้ ขณะที่จำเลยที่ 5 นายกันต์ธร หรือนายแสง ทำหน้าที่มือปืน ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ศาลพิพากษาให้จำคุก 31ปี 6เดือน ขณะที่จำเลยที่ 6 จำคุก 2ปี ให้ข้อหาที่ร่วมกักขังหน่วงเหนี่ยว ไม่ได้ร่วมฆ่า

สำหรับคดีนี้ ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญในรอบปี 2559 ซึ่งเป็นการพบศพชายปริศนา และสืบทราบว่าผู้ตายคือ นายภาสพล รัตนตยาธิคุณ หรือ เสี่ยตุ้ม อายุ 48 ปี อยู่เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร นักธุรกิจหนุ่มนักเรียนนอก ทายาทธุรกิจโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ จนมาสู่การติดตามจับกุมตัวคนร้ายและให้การซัดทอดว่าผู้ที่จ้างวานให้ฆ่านั้นคือ นายกอง หรือ วิรัช รัตนตยาธิคุณ (พ่อของผู้ตาย) เนื่องจากไม่พอใจที่ลูกชายทวงเงินส่วนต่างจากการขายที่ดินในการทำธุรกิจนั่นเอง