'ดีเอสไอ' สะกิดป่าไม้ร้องทุกข์ คดีบุกรุกหาดเลพัง

'ดีเอสไอ' สะกิดป่าไม้ร้องทุกข์ คดีบุกรุกหาดเลพัง

รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง บุกรุกหาดเลพัง 200 ไร่ ยังอืด เอกชน 5 รายยื้อไม่ยอมย้ายออกจากที่ดินสาธารณะ จ.ภูเก็ต ขณะที่อบต.เชิงทะเล ยังไม่ยอมเข้าร้องทุกข์ "ดีเอสไอ" จ่อสะกิดป่าไม้เป็นเจ้าทุกข์แทน

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.61 พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีบุกรุกและครอบครองพื้นที่สาธารณะ 200 ไร่ บริเวณหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เอกชนผู้ครอบครอง 10 รายย้ายออก พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่ยังมีเอกชนหลายรายยังไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกาว่า ดีเอสไอได้ประสานกับนายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชิงทะเล จ.ภูเก็ต เพื่อให้เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษกับบุคคลและนิติบุคคลที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล ในฐานะที่อบต.เชิงทะเลเป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่ทางอบต.เชิงทะเล ระบุว่า อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลทั้งหมด โดยที่ผ่านมามีเอกชนเข้าครอบครองที่ดิน เช่น บริษัทเจ้าพระยาแลนด์ ครอบครอง 16 ไร่ และบริษัทพังงารีสอร์ต จำนวน 7 ไร่ ซึ่งบริษัทเอกชน 2 รายนี้ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลแล้ว ส่วนเอกชนอีก 5 รายใหญ่ไม่ยอมออก โดยอ้างว่าเป็นที่ส่วนบุคคล เช่น นายอุสมาน บินดุลลา เข้าครอบครองพื้นที่ 17 ไร่ ศาลฎีกานัดให้มาฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่นายอุสมานไม่เดินทางมาตามนัด ดังนั้น ศาลจึงออกหมายจับและนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้งเดือนก.พ.นี้

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีที่ดินที่เป็นข้อพิพาทอีก 20 ไร่ โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ออกจากพื้นที่ และต้องมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกเช่นกัน ส่วนที่เหลือเป็นเอกชนรายย่อย หากอบต.เชิงทะเลในฐานะเจ้าของพื้นที่ยังเพิกเฉยไม่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอจะให้กรมป่าไม้ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่โดยตรงมาเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษแทน แม้ภาพรวมพบว่าจะมีการดำเนินคดีจนศาลมีคำสั่งให้บุคคล และนิติบุคคลที่ขอออกโฉนดที่ดินไม่ถูกต้องให้ออกจากพื้นที่ แต่ยังมีหลายรายอ้างสิทธิ์ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล ซึ่งดีเอสไอจะเร่งดำเนินการต่อไป เนื่องจากพื้นที่มีความเกี่ยวพันกัน