อาคารเพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง ชั้น3เสียหายหนัก สั่งห้าม30วันเร่งซ่อมทั้งตึก

อาคารเพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง ชั้น3เสียหายหนัก สั่งห้าม30วันเร่งซ่อมทั้งตึก

จนท.วิศวกร เผยอาคารเพลิงไหม้ ย่านสำเพ็งชั้น3เสียหายหนัก ด้านผอ.เขตสั่งห้ามใช้อาคาร30วัน เร่งซ่อมทั้งตึก

จากกรณีตำรวจ สน.จักรวรรดิ รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้อาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น เลขที่ 88 ภายในซอยวาณิช 1 ถนนเยาวราช แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ประกอบกิจการเปิดเป็นโกดังเก็บของเล่นเด็ก เพลิงได้ลุกไหม้นานเกือบ 5 ชั่วโมงจึงสงบลง ทางเจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุการเกิดไฟไหม้และประสานทางเจ้าของอาคารพาณิชย์ดังกล่าวเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีเพลิงไหม้โกดังเก็บของเล่นเด็กรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 30 มกราคม นายจักรพันธ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ พ.ต.อ.โชคชัย คณะเจริญ ผกก.สน.จักรวรรดิ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยทีมวิศวกรอาสา ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ เข้าตรวจสอบโครงสร้างของอาคารพาณิชย์ที่เกิดเพลิงไหม้เพื่อสำรวจและวิเคราะห์จุดเกิดเหตุ
ดร.ธเนศ เปิดเผยว่า สำหรับอาคารต้นเพลิงที่เกิดเหตุนั้นเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กอายุกว่า 50 ปี ทนต่อความร้อนได้อย่างน้อยสุดประมาณ 2 ชั่วโมงและอย่างมากที่สุดสามารถทนต่อความร้อนได้นานถึง 4-5 ชั่วโมง

จากรายงานในเบื้องต้นนั้นทราบว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ภายใน 2 ชั่วโมงแรก ก่อนจะมีการปะทุขึ้นใหม่เนื่องจากวัสดุที่อยู่ในตัวอาคารทำจากพลาสติกและกระดาษเป็นจำนวนมาก โดยมีแสงเพลิงและกลุ่มควันสีดำจำนวนมากเกิดขึ้นบริเวณชั้นที่ 1 ก่อนลุกลามขึ้นสู่ด้านบนทั้งตัวอาคาร จากการเข้าตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุนั้นพบว่าชั้นที่ 3 ของตัวอาคาร บริเวณพื้นมีร่องรอยการแตกร้าวของปูนรองเหล็กเป็นจำนวนมากและยังมีหยดน้ำไหลกัดเซาะอยู่ตลอดซึ่งมีความเสี่ยงต่อการใช้พื้นที่ชั้นดังกล่าว ส่วนคานเสาทั้งหมดของตัวอาคารยังสามารถใช้งานได้ไม่มีการแตกร้าวจากความร้อน ชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 นั้นยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ส่วนผลกระทบของตัวอาคารพาณิชย์ข้างเคียงจากกรณีไฟไหม้ครั้งนี้นั้นจากการตรวจสอบไม่พบว่าเปลวเพลิงหรือความร้อนนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างตัวอาคารข้างเคียงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์จะต้องทำการตรวจสอบเรื่องพื้นแต่ละชั้นของตรวจอาคารอีกครั้งหนึ่งเพื่อป้องกันการทรุดตัวของพื้นต่อไป

“ส่วนเรื่องกรณีอาคารในละแวกจุดเกิดเหตุนั้นเป็นตึกที่มีการก่อสร้างมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอยากจะประชาสัมพันธ์เจ้าของอาคารให้คอยหมั่นตรวจสอบระบบไฟทั้งหมด อาทิเช่น ระบบตัดไฟกรณีไฟฟ้าลัดวงจร สายไฟฟ้าที่ติดกับตัวอาคารว่ามีร่องรอยชำรุดหรือไม่ หากว่าพบว่าชำรุดหรือเสียหายให้รีบแจ้งผู้เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเช่นกรณีดังกล่าวขึ้น” นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าว

นายสมบัติ เปิดเผยว่า ทางสำนักงานกรุงเทพมหานครมีคำสั่งให้ปิดตัวอาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและทำการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จพร้อมกับประกาศเป็นพื้นที่อันตรายห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุ ส่วนกรณีที่เจ้าของอาคารจะเข้าไปเพื่อตรวจสอบหรือเก็บทรัพย์สินออกมาจากตัวอาคารนั้นจะต้องทำเรื่องส่งมายังสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์และประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปกำกับดูแลอีกครั้งหนึ่ง

ทาง พ.ต.ท.สุริยเมศศ์ ภักดีวิวัฒน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.จักรวรรดิ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ทำการเชิญนางณปภัช จุฬาเลิศมณี อายุ 43 ปี เจ้าของอาคารต้นเพลิง มาทำการสอบปากคำแล้วโดยทราบว่าตัวอาคารดังกล่าวนั้นได้ทำเป็นโกดังไว้สำหรับเก็บสินค้าประเภทกิ๊ฟช็อปหรือของเล่นเด็ก ส่วนในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นไม่มีการเปิดใช้ตัวอาคารดังกล่าวเนื่องจากว่าเป็นวันหยุดทำการ โดยปกติถ้าในวันทำการก็จะเปิดโกดังเพื่อนำของบางส่วนไปขายยังร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ได้สอบปากคำพยานแวดล้อมที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุไปแล้ว ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้และการประเมินค่าความเสียหายนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ อย่างไรก็ตามจะเชิญทางเจ้าของอาคารมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งและต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป