จิบชา ชมดอกไม้ กับอาหารในอ้อมกอดของดอกไม้ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้
ก่อนจะถึงวันวาเลนไทน์ให้คนเราบอกรักกัน อยากชวนไปดินเนอร์แสนสวยในอ้อมกอดของดอกไม้ แล้วเฝ้ารอวันสำคัญที่กำลังจะมาถึง...
ก่อนจะถึงเทศกาลบอกรักในวันวาเลนไทน์ คู่รัก คนรัก เพื่อนรัก หรือคนสนิทชิดใกล้จะลองซ้อม ๆ ดินเนอร์กันใต้แสงเทียนในบรรยากาศกรุ่นกลิ่นไอรักก่อนก็ได้ หรือหมายตาหมายใจจับจองเอาไว้ก่อนวันแห่งความรักจะมาถึง…
เนื่องในโอกาสใกล้วันให้ดอกไม้บอกรัก คุณสกุล อินทกุล ผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) แนะนำห้องอาหารน้องใหม่ มิดไนท์ มูน (Midnight Moon) ในห้องสวย ๆ สีสดใสด้วยดอกไม้สดนานาพรรณ โคมไฟและแสงเทียนมลังเมลือง พร้อมอาหาร 7 คอร์ส ที่มีดอกไม้เป็นส่วนประกอบ
แต่ถ้าใครไปถึงช่วงเที่ยง คุณสกุลบอกว่า กำลังจะจัดอาหารสำหรับมื้อกลางวันเป็นโฮมคุกกิ้ง เช่น ข้าวคั่วไก่สมุนไพร หมูกับไข่ต้มเค็ม ปลากริลล์ในใบตองสไตล์เม็กซิกัน เป็นต้น หากระหว่างนี้ชวนจิบชายามบ่ายในบรรยากาศสบาย ๆ ชมต้นไม้ใบเขียว มีชา 7 ชนิดให้เลือก กับของว่างอย่างไทยเป็นขนมไทยจัดพอคำสวย ๆ และสโคนชิ้นใหญ่กับคล็อตเตดครีมสไตล์ไอริช รับรองสูตรว่าอร่อยหาใดเหมือน เนื้อครีมเข้มข้นหอมมัน ปาดลงบนสโคนตามด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี่หรือแยมผลไม้ตามชอบ
จิบชาแล้วแวะชมภายในพิพิธภัณฑ์ดอกไม้ รวบรวมเรื่องราวของดอกไม้ การเดินทางของดอกไม้ การใช้ดอกไม้ในวัฒนธรรมต่าง ๆ ภายในห้องจัดเป็นธีมให้ชมประกอบข้อมูลความรู้ มีภาพประดับ ดอกไม้ประดับตกแต่ง หนังสือภาพ การจำลองการใช้ดอกไม้ในพิธีกรรมต่าง ๆ จากประเทศต่าง ๆ ทั่วเอเชีย
“เราอยู่ที่นี่มา 5 ปี ตอนนี้ต้นไม้เริ่มโตขึ้นมาก แต่เราก็จะมีการทริม (ตัดเล็ม) ใบไม้อยู่ตลอดเพื่อความสวยงามและตัดแต่งเพื่อมองเห็นทัศนียภาพที่ไกลออกไป เช่นที่ศาลาริมสระน้ำนี้ จะมีร่มเงาของใบไม้บดบังทำให้เกิดเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ว่าจะมองจากมุมไหน และที่นี่ได้ความเย็นจากร่มเงาของใบไม้ อากาศจะเย็นกว่าข้างนอกประมาณ 2 องศา ทุกวันเพราะต้นไม้เยอะ และเราจัดระบบรดน้ำไว้ด้วย” เจ้าของพิพิธภัณฑ์ดอกไม้เล่า...
ชื่นชมดอกไม้ยามบ่ายแล้วไปชื่นชมรสชากับของว่าง ที่ช่วยผ่อนความร้อนจากเมืองกรุงที่กำลังเดินทางสู่ฤดูร้อนได้บ้าง
“เป้าหมายต่อไปจากอาฟเตอร์นูนทีตอนบ่าย ๆ แล้ว จะจัดเป็นไฮทีเซตใหญ่ เริ่มสักบ่ายสองโมง ของว่างที่คิดไว้เช่น ชีสเค้ก โรสเยลลี่กับโฟร่เซ่นโยเกิร์ต ที่ทำเอง หรือพันนาคอตต้ากับเอสเพรสโซ่ แซนด์วิชแตงกวาใส่กลีบดอกไม้ จัดเซตอาหารว่างที่ประกอบด้วยดอกไม้ มีอุบะร้อยเรียง มีไข่มุกหยดออกมาเป็นดอกดาวเรือง...”
คนรักดอกไม้เล่ากับนัยน์ตาชวนฝัน ถ้ามนุษย์เรารักดอกไม้กันทุกคน รักมาก ๆ เทียบเท่าเจ้าของมิวเซียมดอกไม้เช่นนี้ โลกคงสงบสุข (กว่านี้)
“เมื่อรื่นรมย์กับอาฟเตอร์นูนทีแล้ว ขอเชิญเข้าสู่ “มิดไนท์ มูน” เป็นดินเนอร์ 7 คอร์ส ราคา 1,450 บาท ระหว่างเวลา 17.30 – 24.00 น. เฉพาะวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ ขอแนะนำให้จองมาก่อนนะครับ เพราะที่นั่งมีจำกัดราว 20 ที่ เต็มที่ 24 ที่นั่ง”
เมื่อตะวันหลบแสงใกล้พลบค่ำก็ได้เวลาดินเนอร์ในดงดอกไม้ในห้องอาหารขนาดกระทัดรัด กับการเดินทางของอาหารและดอกไม้ผ่านประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย
“ขอเรียกน้ำย่อยที่ Takayame Miso Tofu & White Champaka เมนูนี้พาทุกท่านไปยังประเทศญี่ปุ่น มีแรงบันดาลใจมาจากตอนเด็ก ๆ ไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองทาคายาม่า ตื่นมาตอนเช้าได้ชิมอาหารที่เขาเอามิโสะที่กริลล์บนใบแมกโนเลีย จำได้เลย พอมาทำอาหารเราคิดถึงเมนูนี้เลย และเรารู้ว่าบ้านเราก็มีแมกโนเลีย เรียกว่า แมกโนเลีย จำปาก้า ก็คือต้นจำปีบ้านเรานั่นเอง ผมก็เอาใบจำปีมารองกับเต้าหู้ปรุงกับมิโสะ สูตรมิโสะก็เอามาจากญี่ปุ่น ส่วนสีขาว ๆ ที่โรยด้านบนคือขมิ้นขาวดอง ที่คล้ายกับในญี่ปุนที่มีต้นหอมดอง จานแรกนี้ผมจะพาไปสัมผัสกับ “กลิ่น” ด้วยคือมีดอกจำปีสีขาววางอยู่ใกล้ เวลารับประทานให้หยิบดอกจำปีขึ้นมาดมแล้วรับประทานอาหารไปด้วย ใช้มือขวาดมดอกไม้ อีกมือรับประทานซึ่งเหมือนกับที่ญี่ปุ่นที่เวลารับประทานอาหารแล้วจะได้กลิ่นมิโสะกับใบแมกโนเลียไปด้วย นับเป็นอาหารจานแรกที่เชฟแนะนำให้ลูกค้าดมดอกไม้ไปพร้อมชิมอาหาร...”
คุณสกุลเล่าพร้อมทำท่าประกอบ ให้เข้าถึงรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
“เมนูที่สอง Mumbai Masala Mango & Marigold เรียกย่อ ๆ ว่า M M and M จานนี้พาทุกท่านเดินทางไปที่ประเทศอินเดีย เป็นสลัดมะม่วงปรุงกับเครื่องเทศแบบอินเดีย ตกแต่งด้วยดอกดาวเรืองกับมาลัยดอกรัก มะม่วงถือเป็นผลไม้มงคล ที่อินเดียฤดูร้อนจะร้อนมากถึง 52 องศา มีมะม่วงทานถือว่าดีมาก ชาวอินเดียจึงถือว่าเป็นมงคล เช่น นำใบมะม่วงแขวนไว้หน้าบ้านป้องกันภูติผี ส่วนดอกรักเมืองไทยคือความรัก ดอกดาวเรืองคือความเจริญรุ่งเรือง คนไทยก็มีความเชื่อว่าต้นมะม่วงปลูกไว้ทางทิศใต้ก็จะดี เมนูนี้เป็นสลัดผลไม้ทานแล้วสดชื่นและมีความหมายที่ดี จะทานแบบใช้ผักสดห่อกับมะม่วง หรือทานแต่มะม่วงก็ได้ตามชอบ”
เราเดินทางจากญี่ปุ่นผ่านไปถึงอินเดียแล้วไปต่อกันที่ประเทศไทยในเมนู ซุปตะไคร้ใส่กุ้งกับเห็ด (Lemongrass Soup with Shrimp, Mushroom & Moon Flower) เสิร์ฟร้อน ๆ สไตล์กาแฟดริป แนมกับเส้นโซบะดอกชมจันทร์ จะจุ่มโซบะลงในซุปร้อน ๆ หรือรับประทานเปล่า ๆ สูตรนี้เป็นไทยผสานญี่ปุ่น
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง สปป.ลาว กับเมนู สลัดเมืองหลวง (Salad Muang Luang) หมายถึงเมืองหลวงพระบาง จานนี้คือสลัดดอกไม้ มีดอกโสน อัญชัน พวงชมพู และดอกไม้ในสวนตามฤดูกาล ผักสดเช่น ใบโหระพา ผักชี ผักกาด ผักชีลาว กับน้ำสลัดแบบไทย ๆ ที่มีส่วนผสมถั่วและไข่ กินกับข้าวตังที่ทำให้เหมือนครัวซองต์ฝรั่งเศส จะรับประทานคลุกกับน้ำสลัดที่ราดมาแล้วหรือกินแนมกับผักสลัดและกลีบดอกไม้ก็เข้ากัน
ระหว่างนี้มีเมนูเรียกน้ำย่อยกรุบกริบ เป็นปลาหมึกวงชุบแป้งทอดที่เรียกว่า “คาลามารี” แต่คุณสกุลขอเรียกว่า “คาลามาลี” ปรุงสูตรพิเศษ นำปลาหมึกวงมาคลุกกับแป้งที่มีส่วนผสมของเครื่องแกง ลงทอดร้อน ๆ โปะด้วยมะพร้าวคั่วให้กลิ่นหอมของมะพร้าว รับประทานกับซอสที่ทำจากดอกอัญชันอมเปรี้ยวอมหวาน มีมะนาวให้อีก 1 ซีก สำหรับสาวเปรี้ยว ให้เติมลงซอสเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวยิ่งขึ้น และทำให้น้ำอัญชันเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีม่วง
เมนคอร์สเป็นการเดินทางสู่อีสาน กับเมนูปลากะพงหมักสมุนไพรกับสันไนไก่หมักโรยดอกคำฝอย เสิร์ฟกับซอส 2 ชนิด เป็นซอสมัสมาร์ดกับมะม่วง และซอสซีฟู้ดที่มีเบสจากน้ำลิ้นจี่ให้กลิ่นหอมหวาน เสิร์ฟกับข้าวหุงดอกอัญชัน จานนี้กินอิ่มเลย
หลังจบเมนคอร์ส เจ้าของมิวเซียมพาเดินชมสวน ให้ชมจันทร์แรมหรือเดือนเพ็ญยามค่ำคืน ฟังเสียงสายลมเย็นแผ่วเบากับดอกไม้ที่พร้อมเผยกลิ่นหอมยามราตรี แล้วกลับเข้าสู่เมนูสุดท้าย
ของหวานเป็น ซอร์เบท์ดอกกุหลาบ (Indian Rose Tea Sorbet & Rose Petals) ใช้ดอกกุหลาบจากอินเดียมาปรุงชาที่ให้กลิ่นหอมมากมาทำเป็นเกล็ดน้ำแข็งแบบซอร์เบท์ รับประทานแล้วสดชื่น ปิดท้ายด้วยชาหอมหมื่นลี้กับชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่น โดยชีสเค้กใส่ในถ้วยในวงล้อของดอกไม้ เป็นการจบอย่างสวยงามเหมือนฉากฟินนาเล่ในการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดอลังการ
จิบชา ชิมอาหาร ชมดอกไม้ จะมีสิ่งใดรื่นรมย์ไปกว่านี้….
หมายเหตุ: พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ เลขที่ 315 ถนนสามเสน ซอย 28 (องครักษ์ 13) เขตดุสิต กรุงเทพฯ โทร.0 2669 3633-4 พิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.30 น. (ปิดวันจันทร์) FB:/ The Museum of Floral Culture
ภาพ: พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้
