พ่อสุดทนโร่ร้องกองปราบฯ ลูกสาวถูกรถชนดับคดีไม่คืบ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 29 มกราคม 2561 ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายไพรัตน์ อายุ 47 ปี เข้าพบ ร.ต.อ.วิชิต ผังคี รองสว(สอบสวน).กก 2 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและให้ช่วยเร่งรัดคดี หลัง น.ส.วัชรีพร อายุ 17 ปี ลูกสาวถูกรถบรรทุก 18 ล้อของบริษัทแห่งหนึ่งเฉี่ยวชนจนเสียชีวิต บริเวณถนนพหลโยธิน ก่อนถึงสนามกีฬากองทัพอากาศธูปะเตมีย์ ต.คูคต อ.ลำลูกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 แต่จนถึงตอนนี้คดียังไม่คืบหน้า และครอบครัวยังไม่เคยได้รับการชดใช้ หรือค่าเยียวยาใดๆเลย โดยนำภาพวันเกิดเหตุ รวมถึงแผนที่บริเวณจุดเกิดเหตุมามอบให้เป็นหลักฐาน

นายไพรัตน์ กล่าวว่า หลังลูกสาวเสียชีวิต ตำรวจสภ.คูคต เจ้าของคดีก็สรุปสำนวนข้อหาประมาทร่วม ส่งอัยการ ซึ่งตนเห็นว่าคดีนานแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า จึงสอบถามไปยังอัยการ ทราบว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 อัยการทำหนังสือให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นพฤติการณ์เกิดเหตุ รวมถึงจุดเกิดเหตุว่าเป็นเลนถนนใด แต่เมื่อทวงถามไปยังตำรวจกลับได้คำตอบว่ายังไม่ทราบการสั่งสอบเพิ่มของอัยการ กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ตำรวจเรียกเพื่อนลูกสาวที่นั่งซ้อนท้ายไปด้วยมาสอบปากคำเพิ่มเติม และเมื่อดูแผนที่จุดเกิดเหตุของตำรวจ ตนและทนายรู้สึกว่าผิดจากความเป็นจริง จึงลงพื้นที่ด้วยตนเองไปสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ กระทั่งสามารถทำแผนที่ขึ้นมาเอง ที่ยืนยันได้ว่าในวันเกิดเหตุนั้นลูกสาวขี่รถจักรยานยนต์อยู่เลนซ้ายสุด ก่อนจะถูกรถ 18 ล้อเฉี่ยวด้านท้ายรถจักรยานยนต์จนล้มและเสียชีวิต

นายไพรัตน์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่มาร้องเรียนวันนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาตนรู้สึกว่าคดีมีความล่าช้า ประกอบกับไม่เคยได้รับการเยียวยาใดๆจากผู้ก่อเหตุแม้สักบาทเดียว ได้เพียงพวงหรีด 1 พวงในงานศพ และลูกสาวยังถูกตั้งข้อหาประมาทร่วม ทั้งที่พยานก็ยืนยันว่าลูกสาวขี่รถมาในช่องทางที่ถูกต้องและเป็นผู้ถูกชน ทั้งนี้ตนแค่ต้องการขอความเป็นธรรมให้ลูกสาว ที่เป็นนักเรียนและลูกที่ดีมาตลอด สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน เป็นเด็กเรียนเก่ง เป็นนักร้องประสานเสียง และเป็นนักดนตรีของโรงเรียน ไม่ใช่เด็กแว้น หรือทำความเดือดร้อนให้ใคร แต่เหตุใดจึงต้องเสียชีวิตอย่างไม่มีค่าเลย ซึ่งหากคดียังไม่คืบหน้าอีก ตนก็เตรียมดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ที่ สภ.คูคต ต่อไป

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ และรวบรวมหลักฐานที่ผู้ร้องนำมามอบให้เพื่อส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป