ยาเสพติดท่าขี้เหล็ก-เมืองสาดทะลักเข้าไทย

ยาเสพติดท่าขี้เหล็ก-เมืองสาดทะลักเข้าไทย

ไทย-เมียนมา ตกลงร่วมมือแก้ปัญหายาเสพติด หลังยาจากสามเหลี่ยมทองคำยังทะลักเข้าไทยต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 26 ม.ค.61 นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้มอบหมายให้ นายชลัยสิน โพธิเจริญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เข้าร่วมการประชุมหารือเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านยาเสพติด ไทย - เมียนมา กับ พลตรี อ่อง โซ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง มหาดไทยของเมียนมา และผู้บริหารระดับสูงสังกัดกระทรวงมหาดไทยของเมียนมา ในที่ประชุมทั้งสองฝ่ายแสดงความชื่นชมในความร่วมมือด้านยาเสพติดที่ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนของสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ให้กับเมียนมาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินงานโครงการพัฒนาทางเลือกในพื้นที่ชายแดนเมียนมาที่ติดกับประเทศไทย โดย สำนักงาน ป.ป.ส. และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึง การจัดตั้งศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย ณ จังหวัดเชียงตุง ประเทศเมียนมา

จากนั้นไทยแจ้งให้เมียนมาทราบถึงความห่วงใยถึงสถานการณ์ปัญหายาเสพติด และการไหลทะลักของยาเสพติดจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเข้าสู่ประเทศไทยที่สูงมากในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการพัฒนาความร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน นอกจากนี้ไทยได้นำเสนอสถานการณ์การจับกุมยาเสพติดที่เพิ่มสูงขึ้น อันเกิดจากความร่วมมือที่เพิ่มมากขึ้น และการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยแหล่งผลิตที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยมากที่สุด คือ พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่ติดชายแดนไทย โดยเฉพาะพื้นที่ท่าขี้เหล็กและเมืองสาด

ทั้งนี้ ไทยได้เสนอการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้นในด้านการปราบปรามยาเสพติด เสนอให้มีกลไกตามแนวชายแดนที่บูรณาการหน่วยงานกลางยาเสพติด ร่วมกับทหารและตำรวจของทั้งไทยและเมียนมาเป็นการเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข่าวสารในระดับปฏิบัติให้เพิ่มมากขึ้นและทันท่วงที รวมถึง สนับสนุนปฏิบัติการต่อพื้นที่เป้าหมาย อาทิ ปฏิบัติการบ้านผาขาว ซึ่งได้ผลลัพธ์สูงให้มีเพิ่มมากขึ้น. ในด้านการบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด โดยไทยยินดีให้การสนับสนุนการบำบัดรักษาฯ ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการดำเนินงานในด้านดังกล่าวของเมียนมาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่รมช.มหาดไทย ของเมียนมา ให้ความเห็นว่า ปัญหายาเสพติดเปลี่ยนแปลงไปและมีความซับซ้อนมากขึ้น จากชาวบ้านที่ยากจน เป็นกลุ่มนายทุนและชนกลุ่มน้อยติดอาวุธเป็นผู้ผลิตยาเสพติด อย่างไรก็ตาม หากไม่มีสารเคมี ยาเสพติดเหล่านี้จะไม่สามารถผลิตได้ ทั้งนี้ เคมีภัณฑ์ไม่ได้มาจากเมียนมา ดังนั้น นโยบายสำคัญของเมียนมาคือ สกัดกั้นการลักลอบนำเข้าเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น ทำลายแหล่งผลิตยาเสพติด ปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติดทั้งในประเทศและไม่ให้ออกไปนอกประเทศ โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการให้การศึกษาและพัฒนากับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง กระบวนการสร้างสันติภาพ ซึ่งหากกระบวนการเหล่านี้ดำเนินการได้ผลสำเร็จการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็จะได้ผลไปพร้อมกัน. โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะให้มีการจัดตั้งกลไกและทำแผนปฏิบัติการร่วมกันระหว่างหน่วยงานกลางด้านการควบคุมยาเสพติด ที่สามารถผลักดันการดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จอย่างจริงจังต่อไป