“ตำรวจท่องเที่ยว” ตามรวบแท็กซี่จอมแสบ โก่งราคาค่าโดยสารชาวเกาหลี วิ่งแค่สุขุมวิทไปสนามบินสุวรรณภูมิ ถูกโขก 1400 บาท
จากกรณีเพจเฟสบุ๊ก “Taxi report TH” ได้มีการโพสต์รูปและข้อความเผยแพร่เหตุการณ์ของผู้ใช้ชื่อ “Soranan Saiping” โดยผู้ใช้คนดังกล่าวเล่าว่า เพื่อนชาวเกาหลีคนหนึ่งได้ใช้บริการรถแท็กซี่ จากบริเวณถนนสุขุมวิท ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ แต่โดนแท็กซี่คันดังกล่าว โกงเงินค่าโดยสารจากเดิมที่ค่าโดยสาร 400 บาท เป็น 1,400 บาท จนเป็นที่กล่าวถึงในสื่อสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ ภาพและข้อความดังกล่าวระบุรายละเอียดส่วนหนึ่งว่า “เมื่อวานเพื่อนเรา นั่งแท็กแถวสุขุมวิทไปสุวรรณภูมิ ค่ารถประมาณ 400 บาท เพื่อนเราก็จ่ายแบงค์พันไป คนขับบอกมีตังค์ทอน 100 เดียว เพื่อนเรานางก็เลยยื่นแบงค์ 500 ให้ อิคนขับยื่นเงินแบงค์ 100 แต่ไม่คืนแบงค์พันให้เพื่อนเรา แล้วไล่เพื่อนเราลงจากรถ” จนมีการแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 ม.ค.2561 ที่สน.พญาไท พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.บวรภพ สุนทรเรขา รองผกก.จร. และตำรวจ บก.ทท. ร่วมกันแถลงจับกุม นายมานพ เขียวพุฒ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/8 หมู่ 8 ต.วังบ่อ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลางรถแท็กซี่สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทส-4648-กรุงเทพมหานคร โดยสามารถจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พ.ต.อ.อาชยน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากในสื่อออนไลน์ มีผู้เสียหายได้โพสต์ร้องเรียนถึงพฤติกรรมคนขับแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน ทส-4648-กรุงเทพมหานคร ว่ามีเพื่อนชาวเกาหลีใช้บริการแท็กซี่จากสุขุมวิท ไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเรียกค่าโดยสารในราคาเหมาเป็นเงินหลักพันบาท ก่อนถูกไล่ลงจากรถบริเวณถนนพญาไท โดยผู้ต้องหามีพฤติกรรมไม่เปิดมาตรวัดค่าโดยสาร และไม่มีใบขับขี่สาธารณะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียให้กับการท่องเที่ยวไทย ทางตำรวจ บก.ทท. จึงได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า นายมานพ เป็นผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันดังกล่าว จนสามารถจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนายมานพ ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนได้จอดรับผู้เสียหายชาวเกาหลีทั้งหมด 2 คน จากสุขุมวิทซอย 2 ไปส่งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยตกลงค่าบริการเป็นค่าเหมารถจำนวน 500 บาท และไม่ได้มีการกดมิเตอร์ ขณะที่ตนขับรถอยู่นั้นเอง หนึ่งในผู้เสียหายได้โทรศัพท์หาเพื่อนชาวเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ และยื่นโทรศัพท์มาให้ตน ก่อนที่ปลายสายจะพูดมาว่าให้จอดรถ เพื่อที่จะเปลี่ยนรถ และให้คืนเงินเพื่อนไป ตนจึงจอดรถใต้สถานีรถไฟฟ้าพญาไท และคืนเงิน 500 บาท โดยที่ตนไม่ได้สักบาทก่อนถูกจับกุมดังกล่าว
นายมานพ กล่าวอีกว่า ตนประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่มาแล้วประมาณ 8 ปี โดยขับรถไม่มีใบขับขี่สาธารณะมาตลอด ส่วนใหญ่จะวิ่งตามสถานที่ที่มีชาวต่างชาติเยอะๆ โดยคิดค่าโดยสารเป็นราคาเหมา แต่ถ้ารับคนไทย ตนจะกดมิเตอร์ตลอด เพราะ กลัวถูกร้องเรียน
ด้านนายสมชัย กล่าวว่า ฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการอู่แท็กซี่ ให้ตรวจสอบพนักงานขับรถเรื่องใบอนุณาตขับขี่ให้ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาทางกรมการขนส่งทางบก ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบมาโดยตลอด แต่ปัญหาดังกล่าวส่วนใหญ่จะพบแต่อู่เล็กๆ ที่มีจำนวนรถไม่มาก ซึ่งวันนี้ได้เชิญตัวนายวรภัค พละชัย อายุ 50 ปี ตัวแทนอู่รถ ช.พัฒนาแท็กซี่ ที่เป็นผู้ครอบครองรถแท็กซี่คันดังกล่าว โดยแจ้งข้อหายินยอมให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่หรือใบอนุญาตไม่ถูกต้องขับรถ ปรับเป็นเงิน 2,000 บาท ตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 และจะพิจารณาไม่อนุญาตให้เพิ่มจำนวนรถแก่ผู้ประกอบการรายดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาไม่เปิดมาตรวัตรค่าโดยสาร และข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ โดยนายมานพ ถูกปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ก่อนลงบันทึกประจำวันและทำประวัติเอาไว้ที่ สน.พญาไท ต่อไป