รวบ 3 คนร้ายแก๊งตุ๋นล๊อตเตอรี่ รางวัลที่ 1

รวบ 3 คนร้ายแก๊งตุ๋นล๊อตเตอรี่ รางวัลที่ 1

รวบ 3 คนร้าย แก๊งตุ๋นล๊อตเตอรี่ รางวัลที่ 1 หลังอาละวาดหลอกเหยื่อสูงวัยหลายราย มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

เมื่อ‪เวลา 05.00 น.วันที่ 25 ม.ค.61 ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล พ.ต.ท.อนุชา ธนอุดม รองผกก.3 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. รวม 60 นาย บุกเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 10 จุดในพื้นที่ กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของแก๊งพี่น้องพุ่มกระจันทร์ คือนายเสนาะ พุ่มกระจันทร์ อายุ 51 ปี นายโกวิท พุ่มกระจันทร์ อายุ 48 ปี และนายสุทธิศักดิ์ ธรรมสังวาล ซึ่งเป็นแก๊งปลอมล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 หลอกขายเหยื่อ เพื่อตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายในคดีดังกล่าว

สำหรับผลปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจค้น และยึดของกลางทรัพย์สินชนิดต่างๆ เช่น สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง แหวนทองคำ นาฬิกา มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปจำนำเอาไว้กับเป้าหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ปปง. ได้ตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง พร้อมกับแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินกับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย

พ.ต.ท.วิวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ต้องใช้เวลาประมาณ 5 เดือน ในการออกสืบสวนและหาเบาะแส จนสามารถจับกุม นายเสนาะ และนายโกวิท พุ่มกระจันทร์ ได้ที่ห้องเช่า ในจ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังจับกุมนายสุรพล เสือพาย นายสุทธิศักดิ์ ธรรมสังวาล ที่อยู่ในเครือข่าย ขณะนี้ยังเหลือเพียงนายฉัตรเกียรติ พุ่มกระจันทร์ อายุ 52 ปี หนึ่งในสามพี่น้อง ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน ที่ร่วมกับเครือข่ายที่มีอยู่ประมาณ 20 คน ออกตระเวนหลอกเหยื่อไปทั่วประเทศ

พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนวิธีการตุ๋นเหยื่อของคนร้ายแก๊งนี้ จะใช้วิธีปลอมสลากกนิแบ่งรัฐบาล หรือ ล๊อตเตอรี่ โดยใช้วิธีการตัดแปะเลขลอตเตอรี่ เพื่อทำให้เป็นเลขถูกรางวัลที่ 1 แล้วไปถ่ายเอกสารสี เพื่อให้ดูเหมือนจริง ส่วนวิธีเลือกเหยื่อก็คือ จะเลือกเหยื่อที่สูงอายุ หรือข้าราชการวัยเกษียน ซึ่งส่วนใหญ่คนวัยนี้สายตาจะไม่ค่อยดี มองอะไรไม่ค่อยเห็น ที่สำคัญก็คือพักอาศัยอยู่คนเดียว โดยเลือกจากเบอร์โทรศัพท์ในป้ายประกาศขายที่ดิน หรืออสังหารริมทรัพย์ เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้ว กลุ่มคนร้ายก็จะแบ่งงานกันทำครั้งละประมาณ 3-5 คน โดยมีผู้ที่รับบทบาทเป็น “เสี่ย” มาพร้อมลูกน้องคนสนิท ทำทีเข้าไปติดต่อเหยื่อ เพื่อสอบถามหาซื้อที่ดิน ก่อนจะขอให้ช่วยพาไปดูที่ดินดังกล่าว

พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ระหว่างที่พาเหยื่อไปดูที่ดิน ก็จะมีคนร้ายรับบทเป็นคนต่างด้าว ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 แต่ไม่สามารถไปขึ้นเงินเองได้ เพราะไม่มีบัตรประชาชน ซึ่งจะเดินมาเจอเหยื่อโดยบังเอิญ ก่อนเสนอขายล๊อตเตอรี่ที่ถูกปลอมมาแล้วในราคาไม่กี่แสนบาท หรือไม่ก็แลกกับทรัพย์สินต่างๆ ตั้งแต่ 1 แสนบาท- 2 ล้านบาท จังหวะนี้คนร้ายที่รับบทเป็นเสี่ย ก็จะชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงทุนซื้อล๊อตเตอรี่ฉบับดังกล่าวด้วยกัน โดยพูดจาหว่านล้อมจนเหยื่อมอบทรัพย์สินที่ติดตัวมาให้ หรือไม่ก็พาไปเบิกถอนเงินสดจากธนาคาร หลังจากเหยื่อมอบเงิน หรือทรัพย์สินให้แล้ว ก็จะลวงเหยื่อไปปล่อยทิ้งกลางทาง แล้วก็พาหลบหนีไป ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบพบมูลค่าความเสียหายน่าจะประมาณ 100 ล้านบาท เพราะคนร้ายเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2542

พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวอีกด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มผู้ต้องหาถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง แต่ขณะนั้นยังเป็นความผิดเพียงฐานฉ้อโกง ซึ่งบางครั้งคดีก็ยอมความกันได้ หลังจากนั้นก็ออกมาร่วมกันก่อเหตุอีก ทำให้เมื่อถูกจับกุมก็ไม่เข็ดหลาบ ทางพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. จึงสั่งการให้ประสานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. แจ้งความผิดฐาน “ฉ้อโกงจนเป็นกิจธุระ” ที่เข้าข่ายฐานซึ่งเป็นมูลความผิดตาม พรบ.ฟอกเงิน และเข้ายึดทรัพย์สินได้ พร้อมกับเอาผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงและความผิดร่วมกันฟอกเงิน จึงได้ส่งกำลังติดตามตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ที่เชื่อได้ว่า น่าจะได้มาจากการทำความผิดดังกล่าวด้วย