เที่ยวอุ่นใจกับบัดดี้คุณภาพ ‘TripBuddy’

เที่ยวอุ่นใจกับบัดดี้คุณภาพ ‘TripBuddy’

เปลี่ยนตัวเองก่อนที่จะโดน Disrupt ก็คือกรณีของ “TripBuddy” (ทริปบัดดี้) ซึ่งไอเดียธุรกิจในปัจจุบันได้มาจากประสบการณ์กว่า 25 ปีที่อยู่ในธุรกิจนำเที่ยว

“ธนาชัย ไหลศิริ” หนึ่งในผู้ก่อตั้งบอกว่าแม้เวลานี้บริษัททัวร์ของเขาเองไม่ได้ปิดกิจการยังทำคู่ขนานกับทริปบัดดี้ที่เป็นสตาร์ทอัพ แต่มันมีแววจะไปได้ไม่สวยนัก เป็นที่รู้กันดีว่ามีรายใหญ่มาทุ่มตลาดจนรายเล็กแทบจะแข่งไม่ได้


แต่เพราะมองเห็นแนวโน้มมาตั้งแต่เมื่อ 5-6 ปีก่อนแล้วว่ากรุ๊ปทัวร์ลดน้อยลงทุกวัน ๆ คนจะท่องเที่ยวเองมากขึ้น ธรรมชาติของคนทั่วโลกนั้นต้องการท่องเที่ยวเอง ( F.I.T หรือ Free Individual Traveler) ชอบมีอิสระ แต่ที่ผ่านมาเจอปัญหาด้านภาษา รวมถึงขาดประสบการณ์ในการท่องเที่ยวเลยต้องพึ่งพาบริษัททัวร์


"แต่ตอนนี้ภาษาไม่ใช่ปัญหาของคนรุ่นใหม่ ทั้งเทคโนโลยีก็ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย กูเกิลแมพก็มี จองตั๋วออนไลน์ก็ได้ จำนวนคนเดินทางด้วยตัวเองจึงมีมากขึ้น แต่ในอนาคตกรุ๊ปทัวร์ยังไงก็ยังมีอยู่แต่คนที่ใช้บริการจะเป็นซีเนียร์ ไม่ว่าจะเคยเก่ง เคยเดินทางด้วยตัวเองมาเป็นสิบ ๆปี แต่พอสูงวัยขึ้นก็ต้องพึ่งบริการอยู่ดี รวมไปถึงกลุ่มพนักงานที่ได้รับรางวัลจากบริษัทด้วยเช่นกัน"


ทริปบัดดี้ จึงพัฒนา 2 โปรดักส์เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวนั่นคือ “buddy help”(บัดดี้ เฮลป์) และ “buddy go” (บัดดี้ โก)


บัดดี้ เฮลป์ เป็นแอพให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย หรือคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ ที่อาจพบเจอปัญหาที่ไม่ได้คาดคิด ไม่ว่าจะทรัพย์สินสูญหาย พาสปอร์ตหาย โดนล้วงกระเป๋า โดนร้านค้าเอาเปรียบเรื่องราคา หรือประสบอุบัติเหตุเล็กๆ น้อย ๆ ก็สามารถกดขอใช้บริการได้ แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง


แม้ว่านักท่องเที่ยวอาจจะรู้ว่าต้องแจ้งความ แต่ก็ไม่รู้จะเดินทางไปอย่างไร ต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างเพราะไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาสปอร์ตที่จะซับซ้อนมากกว่า เพราะทรัพย์สินหายไปแจ้งความก็เสร็จ แต่พาสปอร์ตหลังจากที่แจ้งความแล้วต้องไปสถานฑูต ไปตม.มีขั้นตอนเยอะกว่า เป็นต้น


วิธีทำงานก็คือ เมื่อนักท่องเที่ยวประสบปัญหาแล้วกดปุ่มขอความช่วยเหลือ ทางบัดดี้ เฮลป์จะทำการเสิร์ซหาบัดดี้ในระบบที่อยู่ใกล้ๆบริเวณที่เกิดเหตุ ( กำหนดไว้10-20 กิโลเมตร) แล้วแจ้งให้รีบเดินทางมาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที


"เราเปิดบริการแล้วที่พัทยา กรุงเทพ ระยอง ต่อไปจะขยายไปหัวเมืองท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต เมื่อนักท่องเที่ยวดาวน์โหลดแอพเราปุ๊บก็จะกดขอความช่วยเหลือเร่งด่วนได้เลย โดยเราจะโคกับตำรวจท่องเที่ยว ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และอาสาสมัครทั้งที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทย ซึ่งจะมีอยู่ทุกจังหวัด"


อย่างไรก็ดี ทริปบัดดี้ ไม่ได้ออกแบบบัดดี้ เฮลป์เพื่อสร้างรายได้ แต่จะทำตัวเป็นจิตอาสาบริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อหวังจะสร้างความรู้จักและที่สุดจะช่วยชักนำนักท่องเที่ยวมาสู่โปรดักส์ที่สองนั่นคือ บัดดี้ โก ที่ปัจจุบันแอพนี้มีบัดดี้หรือเพื่อนพาเที่ยวเป็นไกด์และหัวหน้าทัวร์มืออาชีพมากกว่า 50 คน


"ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะวางแผนและบุ๊คกิ้งมาก่อน แต่บัดดี้ โก จะพาพวกเขาไปเที่ยวนอกเหนือแผนหรืออาจอยู่ในแผนก็ได้ จะมาใช้บริการเราสักวันสองวัน เช่น วันสุดท้ายที่ต้องขึ้นเครื่องตอนสามทุ่มแต่คนในกลุ่มยังซื้อของได้ไม่ครบ แทนที่จะไปวิ่งหาเองทั้ง ๆไม่รู้ว่าต้องไปรถสายไหนบัดดี้เราจะช่วยแฮนเดิลเพื่อให้ทันเวลาเดินทางไปสนามบิน และไม่ใช่เรื่องท่องเที่ยวอย่างเดียว มีคนที่เดินทางมางานเทรดแฟร์ มาขอให้เราไปเป็นล่ามก็มี อีกกลุ่มที่ไม่น่าเชื่อคือคอปอเรท เวลาที่เพื่อนฝูงหรือคู่ค้าของเจ้านายเดินทางมาจากต่างประเทศและพาครอบครัวมาด้วย เลขาก็จะโทรมาให้ช่วยหาไกด์ไปรับรอง พาเที่ยว ค่าใช้จ่ายไม่มีปัญหา ต้องบริการดีอย่ามีคอมเพลน เท่าไหร่ก็จ่าย"


บัดดี้ โก ขยายไปตลาดต่างประเทศแล้วคู่ขนานกับตลาดเมืองไทย เวลานี้เปิดบริการที่ญี่ปุ่น ลอนดอน นิวยอร์ค และฟินแลนด์ แม้กระทั่งเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ที่แม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวในใจของคนไทยก็ตาม


"เราอยากมีบัดดี้ให้ครอบคลุมทั่วโลก เบื้องต้นจะไปเมืองที่คนไทยชอบไปก่อน และแม้ว่าบัดดี้ที่อยู่เคปทาวน์ 2-3 ปี เขาอาจไม่ได้รับงานเลย ถามว่าเขาเดือดร้อนไหมก็คงไม่ เพราะบัดดี้ของเราจะมีงานประจำทำอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญมีคนไทยเดินทางไปและกดใช้บริการก็เป็นเรื่องที่ดีของทั้งสองฝ่าย"


ธนาชัย อธิบายว่า บัดดี้ที่สมัครและได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาอยู่ในระบบของทริปบัดดี้นั้น อาจเป็นไกด์ เป็นหัวหน้าทัวร์ หรือเป็นคนทั่วไปที่เก่งภาษา มีงานประจำอยู่แล้วแต่ต้องการเอาความสามารถที่มีอยู่มาช่วยสร้างประโยชน์ให้กับสังคม รวมไปถึงสร้างรายได้พิเศษให้กับตัวเอง


"ต้องบอกว่าถ้ามีความจริงใจ มีความสุข มีศักยภาพ จะเปรียบเหมือนพรสวรรค์ที่จะทำงานแบบนี้ได้ จริงๆแล้วบางคนก็อยากทำแต่ไม่มีโอกาส ซึ่งต่อไปเราจะช่วยพัฒนาให้เขามีโอกาส"


ถามถึงยอดดาวน์โหลดแอพคำตอบก็คือ ยังมีไม่เยอะมาก แต่มีเป้าหมายว่าภายในเดือนมีนาคมนี้อยากได้ตัวเลขที่ 5 พันดาวน์โหลด ในหมายเหตุว่าก็ยังไม่ได้เร่งเครื่องทำพีอาร์มากมายนัก


"เราจะให้ความสำคัญกับฝั่งของบัดดี้ก่อน ต้องสกรีนกันพอสมควร แต่เพราะตัวผมเองอยู่ในวงการนี้มานานก็ถามได้ว่าใครดี ไม่ดี หรือพอได้เจอตัวได้พูดกันไม่กี่นาทีก็จะรู้แล้วว่าคน ๆนี้เป็นอย่างไร เพราะคนในวงการเดียวกัน พูดจาภาษาเดียวกัน เขาเก่งจริงไม่จริงเราถามไม่กี่คำถามก็พอรู้ ถ้าทำบัดดี้ดีแล้วเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการแล้วดีจริง ปลอดภัยจริง เดี๋ยวพวกเขาก็จะบอกต่อกันเอง"


เป้าหมายใหญ่ของทริปบัดดี้ ก็คือการได้ไกด์และหัวหน้าทัวร์ที่มีคุณภาพเข้ามาอยู่ในระบบ เรียกว่าเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้ เวลาที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยต้องคิดถึงเป็นอันดับแรก


ซึ่งคำว่าคุณภาพในที่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องของภาษาและประสบการณ์ คุณสมบัติของบัดดี้หลัก ๆ ที่พึงมีก็คือ หนึ่ง ต้องมีความจริงใจในการให้ความช่วยเหลือ (บางคนอาจพูดภาษาเก่งสื่อสารไม่คล่องแต่จริงใจในการให้บริการหรือให้ความช่วยเหลือถือว่าสอบผ่านในกรณีของบัดดี้ เฮลป์) ธนาชัยย้ำว่าความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะจะนำมาซึ่งความปลอดภัยและความรู้สึกที่ดีของนักท่องเที่ยว สอง เรื่องของภาษา และสาม ต้องเป็นคนที่มีความสุขกับการทำงาน และมีศักยภาพ คือสามารถคิดแก้ไขปัญหาเหตุการณ์เฉพาะหน้ได้เป็นอย่างดี


"เวลานี้เราไม่โฟกัสที่จำนวนของบัดดี้ แต่โฟกัสเรื่องของคุณภาพ ตอนที่เริ่มทำใหม่ ๆเราเองก็เคยคิดว่า ยิ่งมีบัดดี้ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี แต่มาคิดได้ว่าไม่มีความจำเป็น เพราะถ้ามีแต่ให้บริการและความช่วยเหลือได้ไม่ดีจริงก็คงไม่ได้ เราต้องเอาคุณภาพก่อน มีไม่เยอะแต่บัดดี้เราต้องเจ๋งทุกคน ต้องสร้างชื่อให้ได้ว่าว่าถ้านักท่องเที่ยวเรียกทริปบัดดี้แล้วจะต้องรู้สึกอุ่นใจ"


ซึ่งภายในปีนี้ ทริปบัดดี้วางแผนจะระดมทุน ซึ่งต้องการในลักษณะของเพื่อนคู่คิดมาช่วยกันผลักดันธุรกิจ เป็นนายทุนที่ไม่ได้มาลงเงินอย่างเดียวต้องเก่งในเรื่องของธุรกิจด้วย ทั้งยังต้องมีความเข้าใจในธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นอย่างดี


“เรากำลังหานายทุนเพื่อระดมทุนระดับซีดฟันด์ภายในเดือนมีนาคมนี้ บอกตามตรงยังไม่ได้คุยกับใคร ที่ผ่านมาก็ใช้เงินทุนตัวเอง เราไม่ได้เป็นสตาร์ทอัพสายประกวดล่ารางวัล แต่พยายามกัดฟันพิสูจน์เรื่องธุรกิจจริง ๆ ซึ่งเราก็น่าจะมาถูกทาง”