TKN - ซื้อ

เราคาดผลประกอบการไตรมาส4/60 อาจอ่อนตัวกว่าที่เราประมาณการก่อนหน้านี้เนื่องจากยอดขายที่อ่อนตัวลง ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ลง 3% มาอยู่ที่ 638 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรปี 2561 จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งซึ่งได้แรงหนุนจากแผนการตลาดที่ชัดเจนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้TKN ยังมีศักยภาพการเติบโตในตลาดฝั่งอเมริกาในระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ

ไตรมาส4/60 — กำไรปรับตัวลดลง YoY เป็นไตรมาสสุดท้าย

เราคาดว่ากำไรไตรมาส4/60 จะอยู่ที่ 171 ล้านบาท ลดลง 27% YoY แต่เพิ่มขึ้น 7% QoQ โดยยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% YoY ในไตรมาส 4/60 หนุนโดยยอดขายที่เติบโตจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงฐานที่ต่ำในไตรมาส4/59 อย่างไรก็ตามอัตรากำไรที่ปรับตัวลดลง YoY เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่สูงขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 31.6% จาก 36% ในไตรมาส4/59เนื่องจากต้นทุนสาหร่ายที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นในไตร4/60 นั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากอัตรากำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังรับรู้ค่าเสื่อมราคาในโรงงานแห่งใหม่ และมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 17% เพิ่มขึ้นจาก 14% ในไตรมาส4/59 เนื่องจากบริษัททุ่มเงินด้านการตลาดในประเทศจีน

การฟื้นตัวในปี 2561

เราคาดว่ากำไรปี 2561 จะแตกต่างกับกำไรในปี 2560 อย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากยอดขายที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งและอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวบริษัทมีเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในประเทศอยู่ที่ 8-9% ซึ่งได้แรงหนุนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ (ทั้งขนมสาหร่ายและสินค้าประเภทอื่น) รวมถึงปรับปรุงขนมสาหร่ายให้มีรสชาติใกล้เคียงกับรสชาดจริงมากขึ้น
สำหรับตลาดต่างประเทศ TKN ตั้งเป้าการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักหนุนโดยยอดขายจากประเทศจีน จากอัตรากำ ไรขั้นต้น เราคาดว่ายอดขายจะขยายตัวมาอยู่ที่ 33.7% ในปี 2561 จาก 32.2% ในปี 2560 จากการเปิดตัวสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง, ราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และคุณภาพสินค้าที่ดีขึ้น

แผนการบุกตลาดอเมริกา

TKN วางแผนที่จะบุกตลาดอเมริกาด้วยการพัฒนาสินค้าให้โดนใจผู้บริโภคและโปรโมทด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างและนำสินค้าออกงานต่างๆซึ่งจะนำผลตอบรับกลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดย TKN จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานแห่งใหม่โดยเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส3/61 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าที่จะสร้างยอดขาย US$10 ล้าน ภายใน 18 เดือน โดย 80% ของรายได้นั้นจะมาจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นสาหร่ายออแกนิค นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนที่จะส่งออก สาหร่ายย่าง ทอด และ สาหร่ายเทมปุระที่ผลิตในประเทศไทย
เพื่อไปทดลองตลาดที่อเมริกา ซึ่งถ้าหากผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกประสบความสำเร็จก็จะย้ายการผลิตไปที่อเมริกา โดยรายได้จากการเข้าไปในตลาดอเมริกานั้นเรายังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการ