'ชูวิทย์' แฉซ้ำ! ขบวนการค้ากามเด็ก 'อ่างวิคตอเรีย' พร้อมให้ข้อมูลDSI

'ชูวิทย์' แฉซ้ำ! ขบวนการค้ากามเด็ก 'อ่างวิคตอเรีย' พร้อมให้ข้อมูลDSI

"ดีเอสไอ" ถกแนวทางสอบค้ากามอ่างวิคตอเรีย ตรวจสำนวนจากสน.วังทองหลางกว่า 3 พันหน้า ด้าน "ชูวิทย์" แฉซ้ำ! ขบวนการค้ากามเด็ก อาบอบนวด "วิคตอเรีย" พร้อมให้ข้อมูลจนท.

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) -22 ม.ค. 61 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวนคดีค้ามนุษย์และค้าประเวณีในสถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบสำนวนคดีที่รับโอนมาจาก สน.วังทองหลาง จำนวนกว่า 3,000 แผ่น ว่ามีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามีประเด็นใดที่ต้องสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ในส่วนของเส้นทางการเงินทั้งจากการรูดบัตรเครดิตค่าใช้บริการสถานอาบอบนวดและธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องหา รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นประเด็นที่ดีเอสไอให้ความสำคัญ และต้องตรวจสอบไปจนสุดทาง แต่ไม่สามารถออกมาเปิดเผยรายละเอียดในสำนวนคดีได้ ในส่วนของบัญชีรับส่วยได้ประสานให้ป.ป.ท.และปปง.เข้าตรวจสอบแล้ว เช่นเดียวกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ตรวจยึดจากที่เกิดเหตุ ซึ่งได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบทั้งหมด

"สำหรับ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือเสี่ยกำพล กับนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ยังไม่มีการติดต่อขอมอบตัว ซึ่งดีเอสไอได้ประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแล้วยังไม่พบผู้ต้องหาออกนอกราชอาณาจักร แต่หากผู้ต้องหาที่หลบหนีดีเอสไอก็จัดชุดติดตามจับกุมมาดำเนินคดี หลังจากนี้จะดีเอสไอจะเร่งรัดการสอบสวนในทุกประเด็น โดยกำหนดให้มีการประชุมพนักงานสอบสวนทุกสัปดาห์ๆ ละ 2 ครั้ง คือวันจันทร์และศุกร์ ซึ่งพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ก็ให้นโยบายว่าต้องดำเนินคดีตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน " พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะกำกับดูแลคดีค้ามนุษย์ กล่าวว่า สำหรับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ดีเอสไอยังไม่ได้กำหนดนัดเข้าให้ข้อมูล โดยจะขอตรวจสอบคำให้การที่นายชูวิทย์เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนสน.วังทองหลางก่อน ว่ายังมีประเด็นใดที่ยังไม่ได้ให้การบ้าง เบื้องต้นมั่นใจว่าต้องมีประเด็นที่ต้องสอบถามนายชูวิทย์เพิ่มเติมแน่นอน ทั้งนี้ ผลตรวจมวลกระดูกพบว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีมีเพิ่มจาก 9 คนเป็น 14 คน แต่หลายรายโต้แย้งว่าอายุเกิน 18 ปี ซึ่งดีเอสไอจะส่งข้อมูลให้สถานทูตประเทศต้นทางร่วมตรวจสอบว่านำพาสปอร์ตของบุคคลอื่นมาแสดงแทนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ นายชูวิทย์ได้นำบันทึกการประชุมของบริษัทอัมรินทร์ออนเซน รูปถ่ายและรูปโปสเตอร์งานสังสรรค์ปีใหม่ที่มีพนักงานสถานบริการอาบอบนวดในเครือ กำลังไหว้ขอพรนายกำพล นางนิภา และบุตรชายมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบุคคลทั้งสองเป็นเจ้าของตัวจริงในสถานบริการดังกล่าว หากดีเอสไอเชิญตนมาให้ข้อมูลก็จะนำหลักฐานทั้งหมดส่งให้ดีเอสไอ เช่นเดียวกับที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาก็เชิญตนไปให้ข้อมูลด้วย ส่วนที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งที่ขายสถานบริการแห่งนี้ไปแล้ว เนื่องจากสถานบริการแห่งนี้มีการนำเด็กมาค้าประเวณี โดยนำเด็กมาจากครอบครัวและส่งเงินให้กับแม่เด็ก ทำให้เด็กไม่ได้รับเงิน ซึ่งมีสถานบริการในเครือข่ายวิคตอเรียซีเครทอีกหลายแห่ง ทั้งเดอะลอดจ์ โคปาคาบาน่า และลองบีช ควรจะถูกปิดทั้งหมดด้วยหรือไม่

“ผมออกมาแฉ เพราะเมื่อทำผิดก็ต้องกล้ารับ ผมเคยทำผิดผมก็กล้ารับ แต่ผมไม่เคยค้าเด็กและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด คนระดับผู้ใหญ่ที่คบกับนายกำพลระวังให้ดี กำลังค้าอะไรกันอยู่เอาพระเครื่องไปแลกกันองค์ละ 10 ล้านบาท ฝากไว้ที่ตู้เซฟธนาคารฯ ผมรู้หมด และนายติ๊ก ซึ่งเป็นคนเชียร์แขก แต่กลับมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ดีเอสไอต้องตรวจสอบว่านายติ๊กมีเงินลงทุนจริงหรือไม่ และที่ผ่านมามีรายได้เสียภาษีบ้างหรือไม่ ข้อมูลที่ผมมีและภาพถ่ายที่มีพนักงานมากราบขอพรนายกำพล นางนิภา และบุตรชายในงานปีใหม่ รวมถึงมีภาพนางนิภาถ่ายรูปคู่กับนายกำพลทำเป็นโปรเตอร์อวยพรให้กับพนักงานในกลุ่มเดอะลอดจ์ แสดงให้เห็นว่าน.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ไม่ใช่เจ้าของอาบอบนวด แต่นายกำพลกำลังปิดบังเอาไว้ เพราะเจ้าของตัวจริงคือนางนิภาหรือไม่” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของคนพวกนี้จะมีเอเย่นไปเหมาเด็กที่รับซื้อมาจากพ่อแม่ และนายติ๊กมาหักค่าเชียร์แขกอีกครั้งละ 200 บาท ซึ่งเงินที่พบในตู้เซฟก็เป็นเงินเปอร์เซ็นต์ที่หักให้เอเย่น ธุรกิจค้าเด็กสร้างรายได้ให้ 2,000-3,000. ล้านบาท เพราะข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของสถานบริการวิคตอเรียซีเครท จะมีแผนรับสถานการณ์หากถูกจู่โจมตรวจค้น โดยให้ตัดข้อมูลบัตรเครดิตออกจากระบบทันที เพื่อไม่ให้ข้อมูลทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงสำนักงานใหญ่ และมีแผนกำชับเด็กเชียร์แขก แคชเชียร์ทำลายหลักฐาน ซึ่งรูปแบบดังกล่าวชี้ให้เห็นเป็นองค์กรอาชญกรรมโดยมีการวางแผนแบ่งงานกันทำ เพื่อปกปิดหลักฐานการกระทำความผิด ดีเอสไอต้องดำเนินคดีถึงที่สุด แต่หากจะหนีก็หนีไปให้ยาวๆ