กมธ.ส.ส.แจงเนื้อหา กม.ส.ส. ขยายเวลา 90 วัน ใครไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอดรับราชการรัฐสภา พร้อมขยายเวลาหย่อนบัตร07.00-17.00น. ยันไม่มีใบสั่ง
ที่รัฐสภา นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงผลการพิจารณาว่า ร่างพ.ร.ป.มีจำนวน 178 มาตรา กมธ.แก้ไขจำนวน 30 มาตรา และคำปรารถ ตัด2 มาตรา และเพิ่ม 2 มาตรา มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอคำแปรญัตติ 4 คน โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ คือ1.คำปรารถ ที่บัญญัติว่า พ.ร.ป.ฉบับนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตราที่ 26 ประกอบกับมาตรา 27 ,33,34,37 และเพิ่มมาตรา 40ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งกมธ.ได้เพิ่มเรื่องการจำกัดสิทธิตามบทบัญญัติของกฎหมายในคำปรารถ เพราะได้มีเพิ่มมาตรา 35 ซึ่งมีผลเรื่องการจำกัดสิทธินอกเหนือจากที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยกร่างมา
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า มาตรา 2 ที่กำหนดให้ พ.ร.ป.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กมธ.ได้มีการปรับแก้ไขให้พ.ร.ป.นี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีสาระสำคัญในมาตราอื่นๆที่ กมธ.ได้ปรับปรุงแก้ไขจากร่างเดิมของกรธ. อาทิ มาตรา 15 มีการเพิ่มให้ชัดเจนขึ้น โดยตามตัวร่างกำหนดว่า ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทั่วไปพร้อมกันทั่วราชอาณาจักรตามวันที่คณะกรรมการเลือกตั้งกำหนดมาตรา 12 (1) ไม่ใช่กรณีตามมาตรา 103 และคณะกรรมการมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ว่า การดำเนินการเลือกตั้งต่อไปตามกำหนดวันเดิมอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมหรือไม่เรียบร้อย กมธ.แก้ไข คะแนน ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือ กรรมการมีจำนวน 7 คน ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 คือ 5คน เพื่อให้มั่นใจว่า เป็นองค์ประชุมที่มากพอ
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ในมาตรา 17 กำหนดไว้ว่าในกรณีที่พ.ร.ป.ฉบับนี้มิได้บัญญัติไว้อย่างอื่น การฟ้องคดีหรือการยื่นคำร้องเกี่ยวกับการดำเนินการของคณะกรรมการในการจัด หรือดำเนินการให้มีการจัดการเลือกตั้งอันมิใช่อำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญให้ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีเหตุที่จะฟ้องร้องคดีกมธ.ได้แก้ไขจำนวนจาก 30วันเป็น 7 วัน เพื่อไม่ให้การพิจารณาของศาลปกครองเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเลือกตั้ง
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า มาตรา 35 กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่เหตุอันสมควร ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้การใช้สิทธิเป็นหน้าที่ ซึ่งกรธ.ได้ยกร่างตัดสิทธิ 3 ประการ ของผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิ คือ1.สิทธิยื่นร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส. 2.สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสิทธิสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. และ3. สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งกมธ.ได้เพิ่มการตัดสิทธิอีก 3 ประการคือ 1.การตัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการ พนักงาน ลูกจ้างสังกัดรัฐสภา 2 การตัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง 3. การตัดสิทธิการได้รับการแต่งตั้งรองผู้บริหาร ผู้ช่วยและที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีกำหนดการตัดสิทธิเป็นเวลา 2 ปี มาตรา 46 และมาตรา 59 การแก้ไขไม่ให้คืนเงินค่าสมัครส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ10,000 บาท แก่ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ5 ของผู้มาใช้สิทธิลงคะแนน จากเดิมที่กรธ.เสนอให้คืนเงินค่าสมัครแก่ผู้สมัครและพรรคการเมืองทีได้คะแนนเสียงเกินร้อยละ 5 เพื่อไม่ให้ความยุ่งยากในขั้นตอนธุรการและที่ผ่านมาไม่เคยมีการคืนเงินค่าสมัคร
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า มาตรา 64 การกำหนดค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งของส.ส.และพรรคการเมือง ให้กกต.หารือกับพรรคการเมือง เพื่อกำหนดค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความจำเป็นและสภาวะเศรษฐกิจทุก 4 ปี โดยกำหนดให้ค่าใช้จ่ายการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัครส.ส.เขตต้องใช้เท่ากันทุกพรรค จากเดิมที่ไม่ได้กำหนด มาตรา 72 การหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ให้ยุติในเวลา 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง เหมือนการหาเสียงด้วยวิธีอื่นๆ จากเดิมที่กำหนดให้ยุติหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ก่อนวันเลือกตั้ง 3วัน มาตรา 74 การกำหนดให้การสำรวจความเห็นประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริตอันมีลักษณะชี้นำต่อการตัดสินใจการลงคะแนนของประชาชน ไม่สามารถกระทำได้ จากเดิมที่เสนอให้การสำรวจความเห็นประชาชนที่มีลักษณะชี้นำไม่สามารถทำได้ เพื่อเพิ่มการคุ้มครองแก่สำนักโพลต่างๆให้สามารถทำโพลสำรวจความเห็นประชาชนได้ มาตรา 75 ข้อห้ามในการหาเสียง นั้น กมธ.กำหนดให้สามารถจัดแสดงมหรสพ งานรื่นเริงระหว่างการหาเสียงได้ จากเดิมที่ห้ามการแสดงมหรสพ งานรื่นเริงระหว่างการหาเสียง กมธ.ยังเพิ่มมาตรา 75 /1 การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวทางที่กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา77 การห้ามผู้สมัครจัดยานพาหนะขนคนไปลงคะแนนและนำกลับจากสถานที่เลือกตั้ง เพื่อการออกเสียงลงคะแนน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายทวีศักดิ์กล่าวว่า มาตรา 82 ให้กกต.สนับสนุนการโฆษณาหาเสียงแก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง โดยอาจจัดเวทีประชันนโยบายบริหารประเทศ(ดีเบต) ของพรรคการเมือง จากเดิมที่เสนอให้สนับสนุนการหาเสียงแก่ผู้สมัครและพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตรา87 การขยายเวลาการลงคะแนนเลือกตั้งเป็น 07.00-17.00 น. จากเดิมเวลา08.00-16.00 น. มาตรา 129 การคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่กมธ.คงไว้ตามหลักการเดิมที่กรธ.เสนอมา แต่เพิ่มเติมข้อความให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ให้เกิดการตีความการคิดคะแนนได้หลายวิธี
นายทวีศักดิ์ ได้ชี้แจงถึงเหตุผลของคณะกมธ.วิสามัญฯในการแก้ไขระยะเวลาของการให้บังคับกฎหมายเมื่อพ้น 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 2 ว่า เดิมที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.อยู่บนเงื่อนไขหนึ่ง กล่าวคือ เวลานั้นกฎหมายพรรคการเมืองยังไม่ได้มีการแก้ไข โดยบทเฉพาะกาลกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดให้พรรคการเมืองดำเนินการเรื่องธุรการ เช่น การทบทวนบัญชีสมาชิกพรรค จัดการเรื่องทุนประเดิมของพรรคการเมือง การจัดหาสมาชิกพรรคให้ได้ 5000 คนภายใน1 ปี เป็นต้น แต่เมื่อกฎหมายเลือกตั้งสส.เข้ามาสู่สนช.แล้ว แต่เมื่อคณะกมธ.วิสามัญฯได้พิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้งสส.ปรากฎว่าได้มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมา
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ประกาศคสช.ฉบับนี้มีผลต่อเรื่องระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจากเดิมที่พรรคการเมืองจะต้องปฏิบัติตามบทเฉพาะกาลของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองต้องเริ่มกระบวนการธุรการทันทีที่หลังจากกฎหมายพรรคการเมืองประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 8 ต.ค.2560 แต่มีประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และ คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ส่งผลให้พรรคการเมืองยังดำเนินการทางการเมืองไม่ได้ แม้ว่ากติกาจะเปิดโอกาสแล้วก็ตาม ประกอบกับเมื่อมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ส่งผลให้พรรคการเมืองจะไปสามารถเริ่มดำเนินการทางการเมืองได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2561 และสำหรับพรรคการเมืองใหม่จะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2561 ถ้านับระยะเวลาจากวันที่8ต.ค.2560มาถึงวันที่ 1ม.ย.2561 จะมีเวลาที่ถูกขยับ 6 เดือน
ในคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 กำหนดว่าการประชุมใหญ่พรรคการเมืองให้ดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่ยกเลิกประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ดังนั้น ระหว่างที่เราพิจารณากฎหมายเลือกตั้งสส.ได้มีเงื่อนไขใหม่และกำหนดเวลาไว้ชัดเจน จึงเห็นว่าถ้าให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ทันทีจะทำให้ต้องเริ่มนับ150วันไปสู่การเลือกตั้งทันที และถ้ายังไม่ได้เปิดกติกาให้พรรคการเมืองได้ดำเนินการ จะเป็นผลเสียต่อพรรคการเมือง สมมติว่าพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.มีผลในวันรุ่งขึ้นหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผ่านไปสองเดือนยังไม่ได้ให้พรรคการเมืองประชุมพรรค พรรคการเมืองจะเหลือเวลา 90 วัน ซึ่งคุณสมบัติของผู้สมัครเลือกตั้งจะต้องสังกัดพรรคการเมือง 90 วันจะมีปัญหาเรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทันที ยังไม่นับเรื่องของเวลาในการทำไพรมารี่โหวต คณะกมธ.วิสามัญฯจึงเห็นต้องมีระยะเวลาช่วงหนึ่ง คือ 90 วัน นายทวีศีกดิ์ กล่าว
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยมีกฎหมายที่ไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันทีที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษามาก่อนแต่กำหนดระยะเวลาให้มีผลบังคับใช้ภายหลัง เช่น พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจพ.ศ.2558 ที่กำหนดว่าเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น240 วัน เป็นต้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลเคยประกาศใช้พระราชกำหนดเพื่อแก้ไขจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันทีที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปรากฎว่าในทางปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการได้ แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยืนยันกับคณะรัฐมนตรีแล้วว่าพร้อมดำเนินการทันทีก็ตาม ต่อมาจึงมีการใช้อำนาจมาตรา 44 ขยายเวลาของการให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ออกไป
ถ้ากฎหมายผ่านไปแล้วโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเวลา หลายคนบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเรื่องเวลา ถ้ามีปัญหาก็ใช้มาตรา 44 แต่ถ้าพอไปถึงตรงนั้นทั้งเราและคสช.ก็ถูกตำหนิอีกว่ารู้อยู่แล้วว่ามีปัญหาทำไมถึงไม่ทำ แต่กลับไปใช้มาตรา 44 ซึ่งถูกวิจารณ์อีกว่าใช้มาตรา 44พร่ำเพรื่ออีก ดังนั้น ผมคิดว่าการดำเนินการของเราเป็นไปด้วยเหตุผล ไม่ใช่เรื่องไปรับอะไรมา นายทวีศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แม้ในทางกฎหมายจะสามารถแก้ไขเพื่อขยายเวลาได้ แต่อีกด้านก็มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยประกาศไว้ว่าจะมีในเดือนพ.ย. นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คณะกมธ.วิสามัญฯมีเพียงหน้าที่พิจารณากฎหมาย หากไปตอบประเด็นทางการเมืองจะเป็นการเกินอำนาจหน้าที่ของคณะกมธ.วิสามัญฯ
เมื่อถามอีกว่า การแก้ไขเวลาลักษณะนี้หมายความว่าได้รับไฟเขียวมาจากคสช.แล้วใช่หรือไม่ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คงไปตอบแทนคนอื่นทั้งหมดไม่ได้ แต่เท่าที่ส่วนตัวรับรู้ยืนยันได้ว่าไม่มี
เมื่อถามว่า ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติทำไมไม่เสนอให้คสช.ดำเนินการปลดล็อคทางการเมืองเพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินการกิจกรรมได้ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า อันนั้นต้องไปถามประธานสนช. ตนแถลงข่าวและตอบคำถามในนามโฆษกรรมาธิการ หน้าที่ของเรา คือ การพิจารณาร่างกฎหมายเลือกตั้งสส. และนำกลับเข้าสู่สภา ถ้าประเด็นในทางการเมืองต้องไปถามให้มันตรงกับคนที่รับผิดชอบ และการปรับแก้ไขของกมธ.ก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสนช.วันที่ 25 ม.ค.
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศต่อนานาชาติแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งในปีนี้ แต่การแก้ไขกฎหมายลักษณะนี้จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศหรือไม่ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าความน่าเชื่อถือของประเทศอยู่กับหลายฝ่าย ไม่ได้อยู่กับคนใดคนหนึ่ง ท่านก็ไปช่วยถามท่านนายกฯด้วย