BANPU - ซื้อเก็งกำไร

BANPU - ซื้อเก็งกำไร

ช่วงกำไรที่ดีที่สุดกำลังจะมา...

ราคาถ่านหิน NEWC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน หนุนโดยอุปสงค์ถ่านหินที่แข็งแกร่งในแถบเหนือของเอเชียที่มีอากาศเย็นจัด เราคาดราคาถ่านหินจะยืนอยู่ในระดับสูงไปจนถึงเดือนมี.ค. โดยข้อมูลในอดีตชี้ว่าราคาหุ้น BANPU มีความเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคาถ่านหิน แต่ช่วงหลังมานี้ราคาหุ้นยังไม่ขยับขึ้นในอัตราที่ร้อนแรงเท่าราคาถ่าน อย่างไรก็ตามคดีหงสายังคงสร้างความกังวลต่อนักลงทุนและน่าจะยังเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นอยู่ในระยะสั้นโดยเราเชื่อว่าตลาดน่าจะยังคงรอคำสั่งศาลตัดสินอยู่

อัตรากำไรที่ขยายตัวจะหนุนกำไรธุรกิจถ่านหินให้เติบโต

จากฤดูหนาวที่เย็นกอปรกับราคาแก๊ซ LNG ที่ปรับตัวสูงขึ้นหนุนให้อุปสงค์ถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น 6% ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน โดยราคาถ่านหินมีแนวโน้มยืนอยู่ในระดับสูงในช่วงไตรมาส 1/61 แต่อาจอ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามราคาถ่านหินขายเฉลี่ยปี 2561 ของ BANPU คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3-5 เหรียญสหรัฐต่อตันเมื่อเทียบกับปีที่แล้วในขณะที่ต้นทุนการผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5-2 เหรียญสหรัฐต่อตัน(เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น) ทั้งนี้ท่ามกลางปริมาณยอดขายถ่านหินที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อัตรากำไรที่ขยายตัวจะเป็นปัจจัยหลักหนุนกำไรของธุรกิจถ่านหินให้เติบโต YoY

ธุรกิจพลังงานเติบโตจากกำลังการผลิตใหม่

BPP มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ขึ้น 69.5 เมกะวัตต์ ในปี 2561 โดยคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 3.5% YoY ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรปี 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% YoY นอกจากนี้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าหงสา (โรงไฟฟ้าถ่านหิน IPP ขนาด 1,878 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 40%) อยู่ที่ 80% ในปี 2560 และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 84-85% ในปี 2561 ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนุนกำไรปี 2561 แต่โรงไฟฟ้า BLCP (โรงไฟฟ้าถ่านหิน IPP ขนาด 1,320
เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 50%) คาดว่าจะปิดซ่อมบำรุงอีกครั้ง (เช่นเดียวกับปี 2560) ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวทรงตัว YoY

ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน (Shale gas) หนุนการเติบโตของกำไรปี 2561

หลังจากการเข้าซื้อกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานเพิ่มในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 (ขนาด 152 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน) ส่งผลให้กำลังการผลิตของ BANPU เพิ่มขึ้น 4 เท่า มาอยู่ที่ 201ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน ซึ่งปี 2561 จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะรับรู้รายได้เต็มปีจากธุรกิจใหม่ โดยกำไรก่อนจ่ายดอกเบี้ยและค่าเสื่อม (EBITDA) ทั้งปีจากธุรกิจแก๊ซจะอยู่ที่ราว 70-80 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ถ่านหินแหล่งใหม่และธุรกิจอื่นๆจะหนุนการเติบโตในอนาคต

อัตราการขุดเจาะในปัจจุบัน ชี้แหล่งถ่านหินของ BANPU จะสามารถผลิตถ่านหินได้อีกประมาณสิบปี ซึ่งบริษัทอยู่ในช่วงหาแหล่งถ่านหินใหม่เพื่อมาต่อสายป่านนี้ ในช่วงระหว่างนี้กำไรของบริษัทจะเติบโตจากกำไรธุรกิจอื่นๆที่เติบโต อย่างจาก BPP (ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ BANPU ถือหุ้น 78.64%) ที่มีเป้าเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นสองเท่า ระหว่างปี 2561-2568 ในขณะที่บริษัทมีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตธุรกิจก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานขึ้นอีกด้วย

นอกจากนั้น BANPU ยังสนใจลงทุนในธุรกิจ แบตเตอรี่และ EV โดยบริษัทตั้งเป้าให้ BANPU Infinity (บริษัทบริการด้านโซล่าร์ โซลูชั่น) มีสัดส่วน EBITDA ขึ้นเป็นอันดับสามในอีก 5 ปีข้างหน้า (15% เทียบเท่าธุรกิจแก๊ซ) ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทยังศึกษาธุรกิจกักเก็บพลังงาน (energy storage) ซึ่งคาดว่าจะเป็นในรูปแบบการควบรวมกิจการ