นายกฯอธิบาย 'ไทยนิยม' สวดมนต์ให้คสช.อยู่รอด ย้ำไปตามโรดแม็พ
"พล.อ.ประยุทธ์" ปลุกเร้า "บิ๊กขรก." นำประเทศสู่ประชาธิปไตย "ไทยนิยม" เผยสวดมนต์ให้คสช.อยู่รอด ย้ำพร้อมไปตามโรดแม็พ แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อการบูรณาการการพัฒนาประเทศ 4.0 และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ผู้บริหารส่วนราชการกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ : One Country One Team" ตอนหนึ่งกับผู้บริหารระดับสูงว่า วันนี้เป็นงานสำคัญทำให้ประเทศ ในฐานะเป็นข้าราชการของในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าราชการของประชาชน ไม่ว่าตำรวจ ทหาร ต่างทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉะนั้นวันนี้ถือเป็นช่วงระยะเวลาเปลี่ยนไปสู่การมีประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ที่ใช้คำว่าไทยนิยม หมายความว่า ประเทศไทย คนไทยมีอัตลักษณะที่มีความแตกต่างกับหลายๆประเทศในโลก บางครั้งไม่ค่อยคำนึงถึงหลักการและความถูกต้องมากนัก เพราะเรานิสัยแบบไทยๆ ชอบอะไรก็ชอบ
นายกฯกล่าวว่า สิ่งที่ตนใช้คำว่าไทยนิยม ต้องการให้คนไทยนิยมทำแต่ในสิ่งที่เป็นความดี ความงาม ความถูกต้อง มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นคนดีและคนเก่ง นั้นคือไทยนิยมในทางที่ถูกต้อง ซึ่งคำว่าไทยนิยมประชาธิปไตยคือ เราต้องนิยมประชาธิปไตยที่ไม่ทิ้งหลักการประชาธิปไตยสากล ตนไม่เคยให้ยกเลิกตรงโน้นตรงนี้ไม่มี ระยะระยะเวลาต่อจากนี้สำคัญสุดสำหรับพวกเราทุกคน ในการบริหารราชการและทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อหลุดพ้นกับดักจากการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศที่มีรายได้ระดับสูงอย่างยั่งยืน ต้องเตรียมพร้อมให้ผู้บริหารภาครัฐให้มีกรอบคิด และการทำงาน
"ขอบคุณที่ทุกคนพยายามทำอย่างเต็มที่ในช่วงเปลี่ยนผ่านในระยะ 3 ปี หลายท่านมีทั้งเข้าใจ ไม่เข้าใจ และคิดว่ายุ่งยาก จริงๆแล้วเราต้องอดทน เพราะทุกวันนี้ผมพยายามทำเต็มที่ในหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคช่วงนี้ไปได้ สู่การปฏิรูปร่วมกัน และจากนี้การเสนองบประมาณต้องสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ประชาธิปไตยไทยนิยมที่ผมคิดขึ้นมาไม่ได้มุ่งหวังการเมือง มุ่งหวังเพียงแค่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสิ่งที่มีปัญหามาตลอด ทั้งความยากจน ความขัดแย้ง ซึ่งเริ่มทำใน 3 ปีที่ผ่านมา ผมไม่อาจกล่าวอ้างว่าทำได้ดีที่สุด แต่ว่าได้เริ่มทำในแนวใหม่ขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลง และผมต้องการพัฒนาคนให้มากที่สุด" นายกฯกล่าว
นายกฯกล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนมีปัญหา คนทำงานก็อยากขึ้นเงินเดือน ทั้งนี้การขึ้นเงินเดือนจะต้องพิจารณาโดยรวมในการทำงานของรัฐบาลนั้นจะต้องวางแผนในระยะเริ่มต้น 5 ปี จึงต้องมีการลงทุนเป็นจำนวนมาก จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลลงทุนมากเกินไป อย่างไรก็ตามนโยบายของรัฐบาลเช่นบัตรคนจนขอยืนยันว่า ไม่ใช่ประชานิยม แต่เราทำเพื่อทุกคนให้มีความเท่าเทียมกัน โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสเพื่อผู้มีรายได้น้อย เพราะเรื่องของความเท่าเทียมและความยากจน ส่วนใหญ่มักจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไทยนิยมต้องเป็นไปในทางที่ดี ขัดแย้งกันไม่ใช่ไทยนิยม ตนไม่รู้จะใช้คำไหนมีใครแนะนำคำอื่นอีกไหม ถ้าให้ใช้ตนใช้ไทยนิยม ตนอ่านหนังสือมาก็นึกๆเอา ไม่มีใครมาบอกตน และตนก็มีคำอธิบายของตนได้ว่าอะไรคือไทยนิยม อะไรคือประชารัฐ อะไรคือความยั่งยืน ตอบคำถามได้ทั้งหมดและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนปฏิรูป ต่อไปนี้คำเหล่านี้ต้องติดหู ติดตา ติดปากประชาชนและข้าราชการ
"ใครง่วงหาวๆหวอดๆ ผมก็นอนดึกนะ แต่ผมไม่ได้เลี้ยงลูก แต่ลูกเราก็คือลูกเรานั่นคือไทยนิยม เลี้ยงลูกเลี้ยงไปเลี้ยงมาลูกเป็นพ่อ นั่นแหละไทยนิยม วันข้างหน้าจะลำบาก เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้เขา แผนพัฒนาประเทศที่ทำผมไปคุมใครที่ไหน และจะสืบทอดอำนาจของตนตรงไหนก็ไม่รู้เหมือนกันที่เขาเขียนนั่น ผมไปคุมใครเหรอ ผมไม่ได้บอกว่าต้องทำอย่างไรด้วยซ้ำไป ผมจะไปได้ประโยชน์ตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกวันนี้ผมสวดมนต์ทุกคืน สวดให้ประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และตอนนี้ยังสวดมนต์ให้คสช.ด้วย เอาตัวให้รอด และผมไม่ใช่ศัตรูของท่าน วันหน้าผมก็คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็เป็นไปตามโรดแม็ป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว