เราไม่ทำตามสัญญา...6 เดือนชี้ชะตา คสช.?

เราไม่ทำตามสัญญา...6 เดือนชี้ชะตา คสช.?

"เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน" เป็นวลีเด็ดจากบทเพลงที่ คสช. เปิดกล่อมคนไทยทั้งประเทศตั้งแต่หลังเข้าควบคุมอำนาจการปกครองใหม่ๆ เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว

คำถามก็คือ ถึงวันนี้ ผ่านมา 3 ปี 9 เดือน คสช. ได้ทำอะไรตามสัญญาไปบ้างหรือยัง?

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ แกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ และอดีตนายทหารนักการข่าวคนสำคัญของศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) บอกว่า คำสัญญาของ คสช. แบ่งออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ หนึ่ง เรื่องที่เป็นเหตุผลของการยึดอำนาจ ได้แก่ แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน สร้างความสามัคคีปรองดอง และปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และ สอง เป็นงานที่ทุกรัฐบาลต้องทำอยู่แล้ว คือการทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
แต่ผ่านมาเกือบ 4 ปี พันธมิตรทางการเมืองอย่าง พล.ท.นันทเดช ก็ยังมองว่ามีบางเรื่องที่รัฐบาล คสช. ยังไม่ทำตามสัญญา โดยเฉพาะการปฏิรูปการเมือง การศึกษา และตำรวจ

การใช้เวลาบริหารประเทศมากเกือบเต็มแม็กซ์ของรัฐบาลเลือกตั้ง คือ 4 ปี ทั้งๆ ที่ไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้ความล้มเหลวในหลายๆ เรื่อง ณ วันนี้ เริ่มบั่นทอนความเชื่อมั่นของ คสช. โดย พล.ท.นันทเดช ประเมินว่า รัฐบาลเหลือเวลาพิสูจน์ตัวเองอีกเพียง 6 เดือนเท่านั้น และจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองท่ามกลางกระแสกดดันจากฝ่ายต่างๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดม สถานการณ์จะไม่สงบราบคาบเหมือน 3 ปีแรกของ คสช.อย่างแน่นอน

"6 เดือนแรกของปีนี้ รัฐบาลจะต้องทำเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จให้เป็นผลสำเร็จมากกว่า 50% ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นกระแสต่อต้านจากประชาชนจะเกิดขึ้น เดือนต่อๆ ไปจะเริ่มมีการจัดชุมนุมถี่ขึ้น ทั้งเอ็นจีโอ กลุ่มอาชีพ มีทั้งการเคลื่อนไหวที่บริสุทธิ์และจัดตั้งปะปนกัน"

ในห้วงเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับภาวะ "ขาลง" ปรากฏปม "แหวนเพชรแทงตา นาฬิกาสุดหรู" ของ "พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซ้ำเติมเข้ามาอีก ซึ่งแม้ พล.ท.นันทเดช จะให้น้ำหนักว่าเป็นเพียงการโจมตีทางการเมืองของขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่ก็เตือนว่าหากรัฐบาลปล่อยเอาไว้ ไม่ใส่ใจที่จะจัดการให้ปัญหาจบลงโดยเร็ว เรื่องนี้ก็จะยิ่งสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลมากขึ้น

"รัฐบาลไม่ค่อยสนใจปัญหาเล็กๆ น้อยๆ มักจะทิ้งปัญหาไว้ให้หายไปเอง แต่ตอนนี้รัฐบาลกำลังขาลง ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงท่าทีว่าจะเล่นการเมืองต่อ คนก็จ้องโจมตี วันนี้รัฐบาลมีศัตรูเพิ่มขึ้น เมื่อก่อนขั้วตรงข้ามพรรคเดียว แต่ตอนนี้มีพรรคการเมืองอื่นมาร่วมด้วย การโจมตีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร มีลักษณะเป็นการโจมตีทางการเมือง รูปที่กระจายออกมาในระยะหลัง มีลักษณะการทำที่เป็นมืออาชีพ และการปล่อยรูป มีจังหวะการปล่อย ปล่อยมาจากต่างประเทศบางส่วนด้วยซ้ำ จึงเป็นงานทางการเมือง และการโจมตีเรื่องอื่นๆ ก็จะตามมาอีก"

ในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอดหลายปี พล.ท.นันทเดช เสนอให้รัฐบาล คสช. ตั้งหลักใหม่ในการแก้ไขปัญหา จะใช้วิธีการเดียวกับ 3 ปีแรกไม่ได้อีกแล้ว โดยในช่วง 6 เดือนที่จะดัชนีชี้เป็นชี้ตายนี้ รัฐบาลต้องอุดช่องโหว่ทั้งหมดที่ทำให้เสียคะแนนเสียง

"รัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบปีแรกๆ ไม่ได้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหานี้แบบมืออาชีพ ต้องหยุดทำตัวเป็นรัฐบาล คสช. แต่ต้องทำตัวเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลทางการเมืองที่จะต้องรักษาคะแนนเสียงทุกจุดเอาไว้ จะเมินเฉยแบบเมื่อก่อนไม่ได้"

จากสถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ ทำให้ พล.ท.นันทเดช เชื่อว่า การเลือกตั้งใหญ่น่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 61 ตามโรดแมพ แต่หากจะมีการเลื่อนเลือกตั้งจริง ผลงานช่วง 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นตัวชี้ขาด

“กระแสการบีบของประชาชนจะแรงขึ้น ถ้ารัฐบาลจะเดินหน้าไปสู่การไม่เลือกตั้ง จะยิ่งจุดชนวน เว้นแต่รัฐบาลทำ 6 เดือนนี้ดี แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ รัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะหลีกเลี่ยงต่อไปได้อีก ฉะนั้น 6 เดือนนี้จะเป็นจุดชี้ขาด” พล.ท.นันทเดช ระบุ

ดูเหมือนเวลาของ "เราจะทำตามสัญญา" กำลังเหลือน้อยลงทุกที!!