'บ้านหญิง กรุ๊ป' ขยายฐานสู่อาเซียน-จีน

'บ้านหญิง กรุ๊ป' ขยายฐานสู่อาเซียน-จีน

แบรนด์ร้านอาหารท้องถิ่นไทย "บ้านหญิง กรุ๊ป" ปรับกลยุทธ์ใหม่ รุกตลาดอาเซียน และจีน เปิดตัว 3 ร้าน 3 แบรนด์ ในสิงคโปร์เป็นประเทศแรก หวังรายได้ทะลุ 100 ล้านปีนี้

บ้านหญิง กรุ๊ป ผู้ดำเนินกิจการร้านอาหาร ที่มุ่งเน้นกลุ่มครอบครัว เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือกับ " ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)" ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของไทย ร่วมลงทุนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ “สยาม สพูน จำกัด” เพื่อนำอาหารไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน และจีน ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยง และสร้างรายได้ประจำ

ภายใต้แผนการที่วางไว้นั้น บริษัทจะเปิดตัวร้านอาการ 3 ร้านแรก “บ้านหญิง” “ดิงค์ ดิงค์” (Dink Dink) และ ร้านสไตล์ ฮ็อต พ็อต ที่สิงคโปร์เป็นประเทศแรก ก่อนที่จะขยายธุรกิจเข้าไปเปิดร้านอาหารยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน เร็วๆนี้

นายทรงศร จั่นสัญชัย ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง บ้านหญิง กรุ๊ป กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นธุรกิจครอบครัว บริษัทได้นำเสนออาหารไทยมานานกว่า 20 ปี ด้วยเมนูที่เป็นที่นิยมต่างๆ ทั่วประเทศ คุณภาพอาหารของบริษัท มีความสดใหม่ ทันสมัย และปรุงจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การร่วมมือกับไรมอน แลนด์ในครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะนำเสนออาหารไทยแก่นักชิมนานาประเทศให้ได้ลิ้มรสอาหารไทยแท้ๆ

ร้านอาหาร 2 แห่งแรกจะเปิดในอาคาร รอยัล สแควร์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตคอมเพล็กซ์เพื่อสุขภาพของ โนวีน่า เฮล ซีตี้ ช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 โดยร้านดิงค์ ดิงค์ จะเป็นร้านอาหารขนาด 68 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนชั้น 1 นำเสนออาหารไทยในบรรยากาศสบาย ๆ เน้นความสะดวก รวดเร็ว และมีเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง และเครื่องดื่มไทยโบราณ สำหรับรับประทานทั้งภายในและภายนอก

ส่วน ร้านบ้านหญิง เป็นร้านอาหารขนาด 126 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนชั้น 2 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ และแบรนด์ดั้งเดิมของ “บ้านหญิง กรุ๊ป” โดยนำเสนออาหารไทยที่คนไทยรับประทานทุกวัน เมนูได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีในสไตล์ไทยร่วมสมัย และร้านที่ 3 ภายใต้คอนเซ็ปท์ฮ็อต พ็อท (Hot Pot) ไทย-อีสาน ที่มีรสชาติจัดจ้าน มีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปีเดียวกัน

ขณะที่ ไรมอน แลนด์ มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน โดยจะเปิดร้านอาหารรวม 10-15 สาขา ภายในปี 2563 ส่วนเมืองที่เป็นเป้าหมายอื่นๆ นอกเหนือจากสิงคโปร์ ได้แก่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ซิตี้ ในเวียดนาม เมืองเสิ่นเจ้น นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองกวางโจว ของจีน

นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไรมอน แลนด์ กล่าวว่า การลงทุนดังกล่าว ถือเป็นกลยุทธ์ในการก้าวไปข้างหน้าของไรมอน แลนด์ เพื่อกระจายการลงทุนให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาดอาหารที่นำอาหารไทยคุณภาพสู่กลุ่มลูกค้าทั่วโลก

การจับมือกันครั้งนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท ในปีนี้ และเติบโตถึง 1,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า