ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง

ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง

เหตุนักลงทุนกังวลสหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันศุกร์ (19ม.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ แม้มีการเปิดเผยถึงการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 58 เซนต์  ปิดที่ราคา 63.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวร่วงลง 70 เซนต์ หรือ 1% ปิดตลาดที่ราคา 68.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันทำสถิติทรุดตัวลงในสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว

ด้านสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า สหรัฐมีแนวโน้มครองอันดับประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกในปีนี้ แซงหน้ารัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย โดยปัจจุบัน รัสเซียเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ตามมาด้วยซาอุดิอาระเบีย

ไออีเอ ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐผลิตน้ำมัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 50 ปี โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ซึ่งสร้างแรงจูงใจสำหรับผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) หลังจากที่ได้ลดกำลังการผลิตลงในช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำ

ไออีเอคาดการณ์ว่า สหรัฐจะเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับสูงกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ หากรัสเซีย และซาอุดิอาระเบียยังคงปรับลดกำลังการผลิตถึงสิ้นปีนี้ตามข้อตกลงที่ทำไว้ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก

ขณะเดียวกัน ไออีเอ ยังคงตัวเลขอุปสงค์น้ำมันระดับโลกในปี 2560 และ 2561 ที่ระดับ 97.8 ล้านบาร์เรล/วัน และ 99.1 ล้านบาร์เรล/วันตามลำดับ

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 412.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล