MORNING CALL ACTION NOTES (19 ม.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (19 ม.ค.61)

พักตัว

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนปรับตัวขึ้นภาคเช้าและผันผวนลงต่อเนื่องในภาคบ่าย ภายใต้ปัจจัยลบต่างประเทศ โดยมีแรงขายกลุ่ม BANK ENERG ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,828.88 จุด (-9.56 จุด) Volume 8.18 หมื่นลบ. โดย Foreign Net +234.69 ลบ.  TFEX Net -9,034 สัญญา ตราสารหนี้ -8,450.76 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+สหรัฐเผย ผู้ขอสวัสดิการลดลง 41,000 ราย สู่ระดับ 220,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี

+สนง.สถิติจีนเผย GDP ไตรมาส 4/2560 ขยายตัว 6.9% ยอดค้าปลีกขยายตัว 10.2% และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 6.6%

-ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสหรัฐทรุดตัวลง 8.2% โดยเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559

-ดาวโจนส์ปิดลบเนื่องจากความวิตกกังวลว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว

-น้ำมันดิบปิดลบหลัง EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุด อีกทั้งโอเปกคาดปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นในปีนี้ จากลุ่มนอกโอเปก

+/-Fund Flow ต่างชาติพลิกกลับมาซื้อ 2 วันรวม 2.4 พันลบ. ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.87  Bath/USD

** ภายใน 19 ม.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวดประจำปี 59

**วันที่ 19 ม.ค. จับตา “ชัตดาวน์”สหรัฐ ล่าสุดผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีปัจจัยสนับสนุนจากตลาดหุ้นภูมิภาคขานรับตัวเลข GDP ของจีนขยายตัวเกินกว่าเป้า โดยมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลงหลังจากคาดการณ์ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และ fund flow ที่ยังผันผวน ดังนั้นคาด SET พักตัวในรกอบ 1,808-1,828 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- TVO (ต้นทุน 90% เป็น US รับผลบวกบาทแข็ง / ราคากากถั่วหลือง 4 วัน รวม +4.9% )

- แบงก์ที่คาดผลกำไรเติบโต ได้แก่ TCAP +16% KKP +5% (ที่มา Bloomberg Consensus)

- PTTEP PTTGC ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง 63.28 $/bbl

- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 106.75$/Ton

- CENTELL ERW MINT นักท่องเที่ยว ธ.ค.ทำสถิติสูงสุดใหม่

- AMATA WHA ร่างพรบ.อีอีซีจะเข้าสู่ที่ประชุมสนช.ราวเดือนก.พ.

- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TWPC JUBILE AMA D

หุ้นแนะนำพิเศษ

PRANDA Analyst Meeting

  • ดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องประดับที่ทำจากทองคำและโลหะเงินเพื่อส่งออก (ตลาดหลักสหรัฐแลยุโรป) คิดเป็นสัดส่วน 63% และขายในประเทศ 37% โดยรายได้มาจากการรับจ้างผลิต 48% รายได้จากการขายปลีก 29% และรายได้จากการกระจายสินค้า 23%
  • ผลประกอบการ 9M60 ขาดทุน 127 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจากปี 59 ที่ 28% สู่ 26% เนื่องจากบริษัทมีการหาลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้บริษัทยังถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินอีก 63 ล้านบาท หลังจากที่ภาวะธุรกิจชะลอตัวทำให้มีการใช้เงินกู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • บริษัทได้ทำสัญญาจำหน่ายที่ดินมูลค่า 400 ล้านบาทเพื่อมาชำระคืนหนี้ และมีการออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีก 500 ล้านบาท รวมถึงออกวอแรนต์อีก 100 ล้านหุ้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงานในอนาคต และมีแผนที่จะขายที่ดินเปล่าเพิ่มเติม
  • ปี 61 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโตสู่ 3.7 พันล้านบาท เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐ และยุโรปเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ดีขึ้น นอกจากนี้มีแผนที่จะร่วมมือกับคู่ค้าในการผลิตสินค้าที่ใช้ความสามารถสูงเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีกด้วย
  • ความเห็น ปัจจะบันบริษัทมีปัญหาด้านสภาพคล่องหากสามารถจำหน่ายที่ดินเปล่าที่ถือครองทั้งหมดจะทำให้บริษัทสามารถคืนหนี้สินได้ทั้งหมด ช่วยคลายความกังวลเรื่องการเพิ่มทุน โดย ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ระดับต่ำเพียง 0.8 เท่าของมูลค่าตามบัญชี หากในอนาคตบริษัทสามารถพลิกกลับมาสร้างกำไรคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้น(มองว่าปัจจุบันผลประกอบการอยู่จุดต่ำสุด) ปัจจัยที่ต้องติดตามการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป

หุ้นมีข่าว   

·        BAY (ราคาปิด 47  Bloomberg Consensus เฉลี่ย 41.94) แจ้งกำไรปี 60 เท่ากับ 23,209 ลบ. +8% ใกล้เคียงกับ consensus คาด จาก 1) การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +11% ตามการขยายตัวของสินเชื่อ ส่วน NIM คงที่ที่ระดับ 3.74% 2) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ +8% จากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกรรมบริหารความมั่งคั่ง กองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์  ทั้งนี้คชจ.ในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราส่วนคชจ.ต่อรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 48% จาก 47% ในปี  59  คชจ.สำรองหนี้สูญ +8% ทำให้อัตราส่วนเงินสำรองต่อ NPL (Coverage Ratio) เพิ่มขึ้นสู่ 148% จาก 143% ณ สิ้นปี 59 ใกล้เคียงกับ peers

·        TMB (ราคาปิด 3.08 IAA Consensus เฉลี่ย 3.20) แจ้งกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 8,687 ล้านบาท +6% ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ 19,736 ล้านบาท +6% คชจ.สำรองหนี้สูญ +3%YoY  ขณะที่%NPL ลดเหลือ 2.35% จาก 2.53% ในปี 59 ส่งผลให้สัดส่วนสำรองต่อ NPL (Coverage Ratio) อยู่ในระดับสูงที่ 143% ใกล้เคียงกับ peers  ด้านสินเชื่อเติบโต 8%YoY จากสินเชื่อบุคคลโดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจที่ยังเติบโตได้ดี ส่วนสินเชื่อSMEแม้ภาพรวมทั้งปีชะลอตัวแต่มีสัญญาณฟื้นตัวใน 4Q60

·        BBL (ราคาปิด 213 Bloomberg Consensus 223) ปี 60 มีกำไรสุทธิ 33,009 ลบ. +3.8%  ดีกว่าคาดการณ์ของ Bloomberg Consensus เล็กน้อย 2%โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +4.1% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย +9.5% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารเกิดจากดีล AIA บริการกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ  ขณะที่เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.2% จากสิ้นปี 59 % NPL อยู่ที่3.9% ของเงินให้สินเชื่อรวม ขณะที่ระดับ Coverage Ratio อยู่ที่ 160.2% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มแบงก์

·        SCB (ราคาปิด 157 Bloomberg Consensus 163) รายงานกำไรปี 60 เท่ากับ 43,152 ลบ. -9% ต่ำกว่าคาดการณ์ของBloomberg Consensus 4% เนื่องจากคชจ.ดำเนินงานเพิ่มขึ้น 11.6% จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีและ digital banking และการที่ NPL +14%yoy ทำให้ %NPL เพิ่มขึ้นสู่ 2.83% จาก 2.67% ในปี 59 จึงมีคชจ.สำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น 11%yoy เพื่อรักษาระดับ Coverage Ratio ที่ 137.3% เพิ่มขึ้นจาก  134.3% ณ ปลายปี 59 ทั้งนี้สินเชื่อเติบโต 4.9% จากปีก่อนจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อบุคคล

·        KBANK (ราคาปิด 227 Bloomberg Consensus 237.88) มีกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 34,338 ล้านบาท -15% ต่ำกว่าคาดการณ์ Consensus 9% หลังตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเพื่อดัน Coverage ratio ณ ปลายปี 60 ขึ้นสู่ 148.45% จาก 130.92% และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

·        CRANE (ราคาปัจจุบัน 3.62 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.20 บาท)

·        ความเห็น ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 61 ที่ 1.4 พันล้านบาท จาก Backlog ฐานรากในปัจจุบันที่ 600 ล้านบาท และธุรกิจขายและเช่าเครนทยอยกลับมาสดใส อีกทั้งปัจจุบันอยู่ระหว่างประมูลงานเสาเข็มมูลค่า 200 ล้านบาท ส่วนประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ คาดมีผลต่อธุรกิจเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่เงินเดือนเกินเกณฑ์แล้ว (ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)

·        แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากทางภาครัฐฯ อาทิ รถไฟฟ้าและมอเตอร์เวย์ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้ CRANE มีโอกาสในการรับงานเพิ่มได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีแผนการจำหน่ายรถเครนขนาดใหญ่ (1,250 ตัน) ภายในปี 61 ซึ่งน่าจะช่วยลดค่าเสื่อมราคาและมีกำไรพิเศษบางส่วน โดยหาพิจารณาเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นตั้งแต่สิ้นงวด 3Q60 ในกลุ่มใกล้เคียง คือ SEAFCO และ PYLON ยัง Laggard อยู่บางส่วน กล่าวคือ SEAFCO +21% PYLON +27% ส่วน CRANE -7.2% จึงแนะนำให้ติดตามข่าวการประมูลงานมอเตอร์เวย์อย่างใกล้ชิดก่อน "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเหมาะสม 4.20 บาท

·        BANPU-BPP เผยศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหงสา เวลา 9.00 น. วันที่ 6 มี.ค.นี้

·        ความเห็น ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวขึ้นจากเดือน ธ.ค. 60 ราว 5.6 บาท มาสู่ระดับ 22.6 บาทซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าความเสียหายของคดีหงสาที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินไปในอดีต หากในวันที่ 6 มี.ค. 61 คำตัดสินออกมาในเชิงบวกราคาอาจไม่ปรับตัวขึ้นมากนัก ในทางกลับกันหากออกมาในเชิงลบราคามีโอกาสปรับตัวลงได้แรง

·         (+) MGT ขยายฐานธุรกิจกลิ่นอาหาร ตั้งเป้ากวาดรายได้เข้ากระเป๋าปีนี้ 30 ล้านบาท ฟากผู้บริหารคาดรายได้ปี 2561 โตต่อเนื่องแตะ 658 ล้านบาท คืบหน้าแผนขยายสาขาเมียนมา มองความต้องการล้น หลังงานขยายโครงสร้างพื้นฐานเพียบ

·        PTT เตรียมแยกหน่วยธุรกิจท่อก๊าซฯ-คลัง LNG เพื่อบริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้