ดาวโจนส์ปรับฐานหลังพุ่งกว่า 300 จุด

ดาวโจนส์ปรับฐานหลังพุ่งกว่า 300 จุด

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 150 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

ดัชนีดาวโจนส์  ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (18ม.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลง หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันพุธ และดีดตัวขึ้นเกือบ 5% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยได้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส และการปฏิรูปภาษีซึ่งจะช่วยหนุนผลกำไรของภาคเอกชน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาสภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งจะต้องอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวก่อนเส้นตายในวันพรุ่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) ขณะที่สมาชิกรัฐสภายังคงมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมือง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง  97.84 จุดหรือ 0.37% ปิดที่ 26,017.81 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลบ 4.53 จุดหรือ 0.16% ปิดที่ 2,798.03 จุดและดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 2.23 จุดหรือ 0.03 % ปิดที่ 7,296.05 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 26,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือเบจบุ๊ค ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว และมีแนวโน้มที่สดใสในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน

ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้วนั้น บริษัทจำนวน 78% รายงานตัวเลขกำไร/หุ้นสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 89% รายงานกำไรสุทธิสูงกว่าคาด

มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 ในวันนี้ โดยอยู่ในระดับสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ทางธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง โดยกำไรอยู่ที่ระดับ 84 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์/หุ้น ขณะที่ธนาคารมีรายได้ 9.50 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.20 พันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง 4.41 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.32 พันล้านดอลลาร์

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2516

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 250,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีในเดือนธ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของการสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว

ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านทรุดตัวลง 8.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.192 ล้านยูนิต โดยเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 หลังจากอยู่ที่ระดับ 1.299 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 1.275 ล้านยูนิต

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปี ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

การแถลงนโยบายประจำปีดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้ว โดยการแถลงดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นจะถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

คาดกันว่าปธน.ทรัมป์ จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามที่เขาได้เคยรณรงค์หาเสียงในปี 2559