กรมเจ้าท่าจับมือตำรวจท่องเที่ยวบังคับใช้กฎหมายจริงจัง สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยการเดินทางเรือ
เวลา 10.00 น.(18 ม.ค.61) บริเวณท่าเรือโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบสภาพเรือสตกมล 333 และเรือพิมพ์รชา 5 ซึ่งเป็นเรือสปีดโบ๊ทที่เฉี่ยวชนกัน ภายในลำคลองอ่าวสะปำ ปากทางเข้าท่าเทียบเรือรอยัล ภูเก็ตมารีน่า ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวอิตาลี ไกด์และเด็กเรือได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าว โดยได้มีการตั้งข้อกล่าวหากัปตันเรือทั้ง 2 ลำ ว่า กระทำการโดยประมาททำให้เสียทรัพย์และมีผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ต่อจากนั้นคณะได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุภายในลำคลองอ่าวสะปำ ปากทางเข้าท่าเทียบเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า และเดินทางมาประชุมร่วมกับนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อเน้นย้ำมาตรการด้านการท่องเที่ยวทางน้ำในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาตราวจสอบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งพังงา กระบี่และภูเก็ต ซึ่งมีเรือสปีดโบ๊ทเป็นจำนวนมาก โดยมีเรือดังกล่าวที่จดทะเบียนจำนวนกว่า 1,800 ลำ ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ จึงได้มีการบูรณาการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจในพื้นที่
รวมถึงการพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อให้มีความระมัดระวังในการให้บริการ ซึ่งในส่วนของเรือนั้นจะต้องมีการตรวจสภาพเรือปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และในระหว่างวงรอบทางผู้ประกอบการเองก็จะต้องมีการดูแลบำรุงรักษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทั้งความพร้อมของเครื่องยนต์ ท่อส่งน้ำมันต่างๆ และอุปกรณ์ในการช่วยชีวิต ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการตรวจเข้มข้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพตัวเรือ ใบประกาศนายท้ายเรือ รวมทั้งจัดให้มีการอบรมพนักงานเรือให้มากขึ้น
ส่วนกรณีที่เกิดอุบัติเหตุการเฉี่ยวชนของเรือสปีดโบ๊ท อันเป็นปัญหามาจากร่องน้ำในช่วงที่นำเรือเข้ามา และเคยมีการขอเพื่อขุดลอกร่องน้ำ ซึ่งนายจิรุตม์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ก็ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน และหากสามารถดำเนินการได้ทางเจ้าท่าฯ ก็พร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการ โดยประสานกับทางสิ่งแวดล้อมในการเข้าดำเนินการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินการ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องเรือคือเรื่องคน เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการเรือจะต้องมีความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกในการจ้างคนขับเรือที่มีประสบการณ์ความรู้ โดยจากนี้ไปการบังคับใช้กฎหมายอจะต้องเข้มงวดทุกส่วน ทั้งเรื่องคน เรื่องเรือ โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะบูรณาการกับกรมเจ้าท่า ตำรวจพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจเรือในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญทางทะเลทุกจังหวัด
ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายจะต้องเน้นในเรื่องของความปลอดภัยอย่างสูงสุด และให้เรื่องของผลกำไรขาดทุนเป็นเรื่องรอง ซึ่งต่อจากนี้จะต้องไม่มีอุบัติเหตุเกี่ยวกับเรือเกิดขึ้นอีก แต่หากเกิดขึ้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ และพนักงานเรือ ซึ่งอาจจะถึงขั้นการพักใบอนุญาต เพราะเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นให้ได้ เนื่องจากขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นนอกจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ทางผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการเองก็ต้องไปกำชับพนักงานให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วผลกระทบไม่ได้เกิดเฉพาะผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งแต่จะกระทบกันไปทั้งหมด
ขณะที่นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งย่อมที่จะมีผลกระทบในวงกว้างและค่อนข้างใหญ่หลวง โดยเฉพาะภูเก็ตเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวมาก เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ดังนั้นความร่วมมือและความตระหนักของผู้ประกอบการจึงเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนการพัฒนาศักยภาพนั้นทางจังหวัดพร้อมที่จะสนับสนุนงบประมาณในช่วยดูแลในส่วนนี้