อ่วม! คุกอีก 78ปี 30 เดือน “วัฒนา” มือบึ้ม กทม.

อ่วม! คุกอีก 78ปี 30 เดือน “วัฒนา” มือบึ้ม กทม.

อ่วม! "อดีตวิศวกร กฟผ." วัย 62 ปี ลุกขึ้นแถลงศาลเมตตาบรรเทาโทษ หลังให้ความร่วมมือคดี 100% ศาลแจงทุกอย่างตามหลักฐาน-บท ก.ม. ยังเหลืออีก 2 สำนวนระเบิดหน้า ทบ.-ทีโอที รอตัดสิน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.61 เวลา 14.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีระเบิดในพื้นที่ กทม.ระหว่างปี 2550-2560 รวม 3 สำนวน ประกอบด้วยคดีหมายเลขดำ อ.3220/2560, อ.3221/2560 และ อ.3222/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “นายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ” อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) และทำให้เกิดระเบิดจนมีผู้บาดเจ็บสาหัส, มีวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาวัตถุระเบิดไปในเมืองหรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 จากกรณีที่นายวัฒนาประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่ตั้งเวลาแล้วนำไปวางไว้ที่ทางเท้าบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากเดิม) ถ.ราชดำเนินกลาง จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย.60 กับนำไปวางที่ใต้ต้นไม้ บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14 -15 พ.ค.60 และที่บริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เม.ย.50

โดย "นายวัฒนา" จำเลย ให้การรับสารภาพทั้ง 3 สำนวน ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีตั้งแต่เดือน มิ.ย.60 จำเลยไม่ได้ยื่นประกันตัว จึงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และวันนี้ (18 ม.ค.) ศาลก็ได้เบิกตัว "นายวัฒนา" มาฟังคำพิพากษาทั้ง 3 สำนวนในเวลาเดียวกัน ขณะที่จำเลยแจ้งความประสงค์ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ

เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้อ่านคำพิพากษาเป็นรายคดี คดีแรก อ.3220/2560 กรณีระเบิดหน้ากองสลากเดิม ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานอัยการโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นบทหนักสุด จำคุกตลอดชีวิต, ฐานประกอบวัตถุระเบิดและทำให้เกิดระเบิด จำคุก 3 ปี, ฐานครอบครองยุทธภัณฑ์ จำคุก 1 ปี และพกพาวัตถุระเบิดไปในที่สาธารณะฯ ปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท พร้อมให้ชดใช้หญิงผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ

ส่วนคดี อ.3221/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ศาลมีคำพิพากษาเช่นเดียวกันกับคดีระเบิดหน้ากองสลากเดิม โดยให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท แต่คดีนี้ให้ชดใช้ผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ และคดี อ.3222/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ เมื่อปี 2550 นั้น พยานหลักฐานรับฟังได้เพียงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตาม มาตรา 289 (4) และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ฯ พ.ศ.2530 ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกรวม 26 ปี 6 เดือน ซึ่งรวม 3 สำนวนแล้วจำคุกทั้งสิ้น 78 ปี 30 เดือน ปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายรวม 140,000 บาท โดยศาลให้นับโทษ "นายวัฒนา" ต่อจากคดีที่ศาลอาญาได้เคยพิพากษาไปแล้วอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีครอบครองวัตถุระเบิดที่บ้านพักของจำเลย ย่านบางเขน จำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท และคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ เดือน พ.ค.2560 จำคุก 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนการอ่านคำพิพากษา "นายวัฒนา" ซึ่งสวมชุดนักโทษที่มีโซ่ตรวนควบคุม ได้ลุกขึ้นยืนแถลงต่อศาลด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมว่า ที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ 100 % หวังจะให้ศาลพิจารณาบรรเทาโทษตามความเหมาะสม ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งกับนายวัฒนาว่า ศาลได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และที่จำเลยรับสารภาพ รวมทั้งบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว "นายวัฒนา" และภรรยาซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจในวันนี้ก็ได้พยายามซักถามเรื่องการนับโทษกับพนักงานอัยการโจทก์ ส่วนทนายความจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล

อย่างไรก็ดี สำหรับคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. ที่ "นายวัฒนา" ถูกอัยการยื่นฟ้องยังเหลืออีก 2 สำนวน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือ 1.คดีหมายเลขดำ อ.2926/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.ย.60 กรณีเมื่อวันที่ 27-30 ก.ย.50 จำเลยนำระเบิดแสวงเครื่องที่ใส่ชิ้นส่วนโลหะ แบตเตอรี่ สายไฟ ดินดำ ในขวดพลาสติกซึ่งใส่น้ำมันเบนซิน และตั้งเวลาระเบิดไว้ 30 นาที นำไปวางไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร ซึ่งเป็นเหตุให้ตำรวจ 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสูญเสียอวัยวะด้วย ขณะที่ตู้โทรศัพท์เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท

2.คดีหมายเลขดำ อ.3157/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 6 ต.ค.60 กรณีเมื่อวันที่ 5 พ.ค.50 จำเลยได้จัดเตรียมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปป์บอมตั้งเวลา ใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วนำไปวางไว้บนทางเท้าติดกับตู้โทรศัพท์สาธารณะของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริเวณปากซอยราชวิถี 24 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต ซึ่งการระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเสียหาย กระจกแตก เป็นเงิน 1,000 บาท