'ศุภชัย' เตือนมีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติรอบใหม่

'ศุภชัย' เตือนมีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติรอบใหม่

"ศุภชัย พานิชภักดิ์" เตือนมีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติรอบใหม่ สั่งจับตาความเสี่ยงจากเงินสกุลดิจิตอล - ฟองสบู่อีคอมเมิร์ซ - ความไม่เท่าเทียมในโลก

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด กล่าวในการสัมมนาความท้าทายบนเวทีการค้าและเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า ว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติรอบใหม่ ซึ่งต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจจะมาจากเงินสกุลดิจิตอล และฟองสบู่จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (ดอทคอม เอฟเฟกต์) ปัจจุบันทั้งเงินสกุลดิจิตอล หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ราคาปรับขึ้นสูงมาก และจะเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยเฉพาะ AI ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รวมทั้งยังมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยในตลาดโลก หากปรับขึ้นเร็วเกินไปจะกระทบกับคนที่มีหนี้มากจนเกิดปัญหาได้

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่เท่าเทียมในโลกที่เกิดขึ้นมาก ยกตัวอย่าง ประเทศจีน ซึ่งเดิมเคยเป็นประเทศที่มีความเท่าเทียมกันมากที่สุด แต่ปัจจุบันประเทศจีนกลับกลายเป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนสูงมาก ภาวะสังคมผู้สูงอายุที่จะกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนศูนย์รวมอำนาจจากอเมริกาและยุโรป มายังเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องติดตามเช่นเดียวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมให้จับตาการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากยุโรป ซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2562 เมื่อถึงเวลานั้น จะเห็นผลชัดเจนว่า กระทบจะรุนแรงเพียงใด

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สุดท้ายคือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งแนวโน้มค่าเงินในสกุลภูมิภาคเอเชียจะยังแข็งค่าต่อเนื่อง สาเหตุจากสภาพคล่องในโลกที่ล้นระบบ ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตดี ดังนั้น แนวโน้มเงินบาทไทยมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก เพราะปัจจุบันสินค้าส่งออกแข่งขันกันที่คุณภาพสินค้า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่ามากเกินไป