สปสช. ยันใช้สิทธิ 'บัตรทอง' ไม่มีเงินประกันก่อนรักษา

สปสช. ยันใช้สิทธิ 'บัตรทอง' ไม่มีเงินประกันก่อนรักษา

สปสช.ยันใช้สิทธิบัตรทอง ไม่มีเงินประกันก่อนรักษา เร่งตรวจสอบผู้ป่วยถูกเรียกเงินก่อนผ่าตัด

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และโฆษก สปสช. กล่าวถึง กรณีมีการรายงานถึงรพ.พ.แห่งหนึ่งเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้สิทธิบัตรทองก่อนผ่าตัดโดยระบุว่าเป็นเงินค่าประกันก่อนรักษาว่า ในการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น ประชาชนผู้มีสิทธิไม่ต้องจ่ายเงินก่อนเข้ารับบริการหรือการรักษา ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่รัฐจัดให้ประชาชนตามสิทธิ นั่นคือ ไม่ให้ค่าใช้จ่ายการรักษามาเป็นอุปสรรคหรือความกังวล ณ จุดที่มีความจำเป็นด้านการรักษาพยาบาลของประชาชน แต่อาจมีการเสียค่าธรรมเนียม 30 บาทต่อครั้งภายหลังจากได้รับบริการรักษาพยาบาลแล้ว ซึ่งมีหลักเกณฑ์ว่าบุคคลใดต้องจ่ายหรือไม่จ่ายบ้าง เช่น ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี, คนพิการ ฯลฯ ไม่ต้องจ่าย โดยรายละเอียดหลักเกณฑ์เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การร่วมจ่ายค่าบริการ พ.ศ.2555 ประกาศ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2555

ขณะที่อุปกรณ์ด้านการแพทย์ที่ต้องใช้ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น สปสช.ยืนยันว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งนี้ สปสช.จัดสรรงบประมาณให้กับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นผู้จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เองเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดให้มีรายการอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ให้โรงพยาบาลสามารถเบิกได้ตามความจำเป็นประมาณ 200 รายการ โดยใช้วิธีจัดซื้อเองและเบิกเป็นเงินคืนจาก สปสช. มีเพียงบางรายการที่มีราคาแพง และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มอบให้โรงพยาบาลราชวิถีทำหน้าที่จัดหาให้แก่โรงพยาบาลที่มีความจำเป็นต้องใช้ โดยมีคณะกรรมการกำหนดคุณลักษณะให้เป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐาน ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าสิทธิบัตรทองใช้ของคุณภาพน้อยไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

“กรณีปัญหาที่ผู้ป่วยถูกเรียกเก็บเงินก่อนเข้ารับการรักษา โดยอ้างว่าเป็นเงินประกันนั้น ขณะนี้ สปสช.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป” ทพ.อรรถพรกล่าว