'เสก โลโซ'ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ลั่นมั่นใจในหลักฐาน!!

'เสก โลโซ'ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ลั่นมั่นใจในหลักฐาน!!

"เสก โลโซ" ปฎิเสธทุกข้อหา ลั่นมั่นใจในหยานหลักฐานที่มีมาก เล็งให้ทนายนำใบรับรองแพทย์พร้อมตัวยาให้ตำรวจ 24 ม.ค.นี้ ด้านตร.ยันมีข้อมูลพอสมควร

ที่สน.คันนายาว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นายเสกสรร ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ นักร้องชื่อดัง ได้เปิดเผยว่า เบื้องต้นตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในวันนี้ได้นำเอกสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านพักย่านวัชรพลเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 60 และเอกสารเกี่ยวกับยาต่างๆที่ตนใช้มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนรับประทานยาเพียงแค่ยาไบโพล่าร์ ยานอนหลับ ยาเสริมต่างๆ โดยจะให้ทนายความนำใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธและตัวยาที่ตนรับประทานมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 24 มกราคมนี้ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นในส่วนของตำรวจที่เหลือก็ไปว่ากันที่ชั้นศาลว่าจะตัดสินอย่างไร

นายเสกสรร เปิดเผยว่า สำหรับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แล้วผลออกมาว่าพบสาร “เมทแอมเฟตามีน” ตนขอชี้แจงว่าเนื่องจากในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นก็ไม่ได้พบสารเสพติด ไม่พบอุปกรณ์การเสพ นอกจากนี้น.ส.อภิสร์ญาก็อาศัยอยู่ภายในห้องกับตนและได้ทำการตรวจปัสสาวะก็ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด ในเมื่อน.ส.อภิสร์ญาตรวจไม่พบสารเสพติดหากตนเสพน.ส.อภิสร์ญาก็ควรจะมีสารเสพติดด้วย นอกจากนี้หากตนเสพยาจริงตนไม่จำเป็นต้องยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะซึ่งจริงๆ แล้วตนสามารถปฏิเสธการตรวจได้ แต่ในวันนั้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลตนก็ยินดีและบริสุทธิ์ใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ทั้งนี้ตนไม่ได้มีความกังวลใจทั้งคดีที่จ.นครศรีธรรมราชและคดีที่สน.คันนายาวเพราะคดีที่จ.นครศรีธรรมราชก็ได้เดินทางไปพบศาลอย่างถูกต้องแล้ว และเร็วๆ นี้ จะทำใบแถลงการณ์เหตุการณ์การยิงปืนขึ้นฟ้าออกไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นการบวงสรวงหรืออะไรอย่างไรนั้น ก็จะมีการเซ็นใบกำกับจากเจ้าอาวาส และคณะกรรมการของวัด ตนมีความมั่นใจในพยานหลักฐานของตนเองมากไม่งั้นคงไม่เดินทางมาในวันนี้ สำหรับเรื่องการระมัดระวังหลังจากนี้ก็คงไม่ต้องระมัดระวังอะไรมากก็ดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ตนอาจจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่ามุทะลุก็ขออภัยประชาชนด้วย

"ต้องขอโทษพี่น้องชาวไทยที่ทำให้ลำบากใจที่ทำให้เกิดข่าวของตนอยู่เรื่อยๆ จริงแล้วตนไม่ได้ต้องการที่จะให้เป็นข่าวเพราะตนเองก็มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ไม่ได้คิดที่จะทำให้โด่งดังหรือให้ใครมาเอาอย่าง การเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่จ.นครศรีธรรมราชนั้นตนก็ออกเงินเองในการเล่นคอนเสิร์ตไม่ได้เงินสักบาทเดียว จนกระทั่งเกิดเรื่องราวตนก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียอกเสียใจอะไร และไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อชีวิตของตน ตนเดินหน้าตาไปได้เสมอตราบที่พี่น้องประชาชนยังให้กำลังใจอยู่ หากผิดก็คงจะขอโทษเรื่องการยิงปืนขึ้นฟ้าแต่เรื่องอื่นที่ตนไม่ผิดก็ยังคงสู้ต่อไป" นักร้องชื่อดัง กล่าว

ขณะที่พ.ต.อ.อำนาจ พุ่มวงษ์ รองผกก. (สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวนสน.คันนายาว เปิดเผยถึงขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อนายเสกสรรให้การว่าเกิดจากการกินยารักษาโรคไบโพล่าร์ เจ้าหน้าที่จะนำตัวยารักษาโรคไบโพล่าร์ พร้อมใบรับรองแพทย์ ของรพ.วิชัยยุทธ มามอบให้พนักงานสอบสวนในวันที่ 24 ม.ค.60 เวลา 10.00 น. ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะรับฟังพยานหลักฐานของผู้ต้องหา จากนั้นจะนำตัวยาดังกล่าวส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อได้ผลการตรวจพิสูจน์แล้ว จึงจะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 12 พิจารณาต่อไป

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นายเสกสรรทราบ ประกอบด้วยข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง,ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้าหรือยาไอซ์) และเมตาโบไลน์(หรือยาอี) โดยผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ จะต้องทำการสืบสวนขยายผลเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องหรือสมคบกันบ้าง ตามกฎหมาย ผู้เสพคือผู้ป่วย ต้องได้รับการบำบัด สำหรับผู้ค้าผู้ขายยาเสพติดสน.คันนายาวจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด และใช้มาตรการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่นพ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.2534 , พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เป็นต้น ดำเนินการยึดทรัพย์ ส่วนคดีนายเสกสรรแม้จะให้การปฏิเสธแต่ทางการสืบสวนของตำรวจได้ข้อมูลรายละเอียดพอสมควร เช่น จากพล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ซึ่งเป็นผู้ที่พาผู้ต้องหาไปบำบัดการติดยาเสพติดตามที่เป็นข่าวมาแล้ว จะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป

ส่วนกรณีที่ นายเสกสรรจะฟ้องร้องเกี่ยวกับทำให้เสียทรัพย์เรียกร้องค่าเสียหายนั้น ทางตำรวจชี้แจงว่าได้ปฎิบัติไปตามอำนาจหน้าที่และถูกต้องตามกฏหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 94 ซึ่งบัญญัติว่า “ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือหรือตำรวจที่ทำการค้นในที่รโหฐาน สั่งเจ้าของหรือคนอยู่ในนั้นหรือ ผู้รักษาสถานที่ซึ่งจะค้นให้ยอมให้เข้าไปโดยไม่มิหวงห้าม อีกทั้งให้ความสะดวกตามสมควรทุกประการในอันที่จะจัดการตามกฏหมาย ทั้งนี้ให้พนักงานผู้นั้นแสดงหมายหรือถ้าค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายก็ให้แสดงนามและตำแหน่ง ถ้าบุคคลดังกล่าวในวรรคต้นมิยอมให้เข้าไป เจ้าพนักงานมีอำนาจใช้กำลังเพื่อเข้าไปในกรณีจำเป็นจะเปิดหรือทำลายประตูบ้าน ประตูเรือน หน้าต่าง รั้วหรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นทำนองเดียวกันนั้นก็ได้”

"หากนายเสกสรร ต้องการจะแจ้งความดำเนินคดีก็สามารถทำได้ แต่พนักงานสอบสวนก็จะวินิจฉัยได้ทันทีว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เป็นความผิดเพราะกฎหมายให้อำนาจไว้ หรือหากนายเสกสรรจะฟ้องคดีแพ่งต่อศาลก็สามารถทำได้ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป" พ.ต.อ.อำนาจ กล่าว