ครม.ไฟเขียวอัดงบกลางปี 61 เพิ่ม 1.5 แสนลบ.

ครม.ไฟเขียวอัดงบกลางปี 61 เพิ่ม 1.5 แสนลบ.

ครม.เห็นชอบจัดทำงบกลางปีพิเศษเพิ่มเติมวงเงิน 150,000 ล้านบาท และกรอบวงเงินงบประมาณปี 62 วงเงินรวม 3 ล้านล้านบาท ขาดดุล 450,000 ล้านบาท

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดทำงบกลางปีพิเศษเพิ่มเติมในงบประมาณประจำปี 2561 วงเงิน 150,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้นำส่งแผ่นดินที่เพิ่มขึ้นจากรัฐวิสาหกิจ 50,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เรื่องบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และด้านต่าง ๆ

ส่วนเงินกู้ 100,000 ล้านบาท จะใช้ใน 3 ด้าน คือ 1. นำไปใช้ปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก การสร้างโอกาสทางอาชีพ จ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการสำหรับผู้พัฒนาอาชีพ ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟสสอง วงเงิน 35,000 นล้านบาท 2.การพัฒนาเชิงพื้นที่ การสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อพัฒนาอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อย วิสาหกิจชุมชน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน วงเงิน 35,000 ล้านบาท 3. การปฏิรูปภาคการผลิต ลดต้นทุนภาคเกษตรกร สร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างตลาดสมัยใหม่ ผ่านความร่วมมือทั้งกระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย เพื่อใช้พัฒนาแผนลงทุนในชุมชน วงเงิน 30,000 ล้านบาท รวมทั้งใช้ปฏิรุปภาคเกษตร เช่น ราคายางพาราตกต่ำ ชดเชยการตัดต้นยาง เพื่อลดพื้นที่ปลูกยางร้อยละ 10-20 เตรียมเสนอสภา สนช. พิจารณาภายในวันที่ 22 เดือนมี.ค.นี้

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท โดยมีประมาณการรายได้ 2.55 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2561 จำนวน 100,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณแบบขาดดุล 450,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนวงเงิน 666,500 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปีงบประมาณ 2561 และมีสัดส่วนร้อยละ 22.2 ของงบประมาณโดยรวม และงบประจำวงเงิน 2.255 ล้านล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 75.2 และการอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนที่เหลือชำระหนี้เงินต้น 78,500 ล้านบาทหรือประมาณร้อยละ 2.6 ลดลงร้อยละ 7 จากปีงบประมาณ 2561

ทั้งนี้ งบประมาณปี 2562 มุ่งเน้นใชัเงิน เพื่อการปฏิรูปในหลายด้าน ทั้งเรื่องลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ สังคมดิจิตอล การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ภายใต้สมติฐานจีดีพีขยายตัวร้อยละ 4.2 เพิ่มจากปี 2561 ที่ขยายตัวร้อยละ 4 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 2.5 และกำหนดให้ส่วนราชการเสนอของบประมาณภายในวันที่ 25 มกราคม จากนั้นคาดว่าจะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือ สนช.พิจารณาวาระแรกต้นเดือนมิถุนายนนี้