ขอศาลออก8หมายจับ! 'ศศิธร' โดน10ข้อหา ถือหุ้นใหญ่ 'วิคตอเรีย ซีเครท'

ขอศาลออก8หมายจับ! 'ศศิธร' โดน10ข้อหา ถือหุ้นใหญ่ 'วิคตอเรีย ซีเครท'

"บิ๊กตร." ขอศาลออก8หมายจับ! "ศศิธร" โดน10ข้อหา ในฐานะหุ้นใหญ่ "วิคตอเรีย ซีเครท" สั่ง4กองบัญชาการ สอบจนท.โผล่โพยเที่ยวอาบอบนวดฟรี

ความคืบหน้า การสืบสวนสอบสวนขยายผลกรณีเจ้าหน้าที่ปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร บุกค้นสถานบริการอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” ย่านพระราม 9 นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เปิดเผยว่า ล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการขออำนาจศาล ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับสถานบริการดังกล่าว รวมทั้งสิ้น 8 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ นางสาวศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่ ของสถานบริการแห่งนี้ โดยถูกตั้งข้อหารวมทั้งสิ้นกว่า 10 ข้อหา ทั้งข้อหาความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ , กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง , ค้าประเวณี , และสถานบริการ

นอกจากนี้จากการตรวจสอบของ พล.ต.อ.ธรรมศกดิ์ วิชารยะ ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 พบว่า นางสาวศศิธร มีการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ที่มีการเปิดเป็นสถานประกอบการรูปแบบของอาบอบนวด นวดแผนโบราณ และเลาจ์ กว่า 10 บริษัทในย่านอินทามระและดินแดง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผน เพื่อเข้าตรวจสอบทั้งหมดเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานใช้ประกอบในสำนวนคดี ทั้งนี้ มองว่าถึงแม้คดีดังกล่าวจะผ่านมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว ก็ไม่ทำให้พยานหลักฐานเสียหาย แต่หากทาง DSI และกรมการปกครองยังไม่ส่งข้อมูลการสืบสวนสอบสวนมาให้ ก็อาจมีผลต่อรูปคดีได้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ DSI

ส่วนกรณีที่ในระหว่างการเข้าตรวจค้นสถานบริการดังกล่าว พบว่า มีการติดชื่อของเสี่ยรายหนึ่งด้วยนั้น จากการตรวจสอบพยานหลักฐานในเบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีบุคคลใดที่อยู่เหนือไปกว่านางสาวศศิธร แต่ต้องรอข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆจาก DSI และกรมการปกครอง เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนหาผู้บงการที่อาจอยู่เหนือกว่านางสาวศศิธร ขึ้นไป หากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของ DSI พบว่าไปถึงบุคคลใดนอกเหนือจากนางสาวศศิธร ก็จะดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอนกระบวนการต่อไป

ส่วนกรณีของการรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ให้กับนายตำรวจ และเจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า มีเพียงตำแหน่งเท่านั้น ไม่มีชื่อของบุคคล หรือนายตำรวจที่มีการกล่าวถึง ซึ่งยากต่อการออกหมายจับ และดำเนินคดี ทั้งนี้หากหน่วยงานใด มีข้อมูลรายชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกรับผลประโยชน์ หรือได้รับการรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์จากสถานบริการดังกล่าว สามารถส่งข้อมูลมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ หากมีข้อมูลครบถ้วนสามารถออกหมายจับในข้อหาสนับสนุนให้มีการค้ามนุษย์ได้

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ 4 กองบัญชาการ ที่มีรายชื่อตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจในโพยรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ของสถานบริการดังกล่าว ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายตำรวจทุกนายที่อาจเกี่ยวข้องกับโพยแล้ว ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทั้งนี้ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทางวินัยและทางกฎหมายทันที