ตั้ง 3 ทีมสางคดียิงช้างป่างายาวตายที่กุยบุรี

ตั้ง 3 ทีมสางคดียิงช้างป่างายาวตายที่กุยบุรี

ตำรวจประจวบฯ ตั้ง 3 ทีมคลี่คลายคดีช้างป่างายาว ถูกยิงตายที่กุยบุรี พร้อมเตรียมตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธปืนรอบพื้นที่

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี ช้างป่างางาม หรือเจ้าด้วน โดยพบซากล้มตายที่บริเวณลำห้วยในป่าเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี บริเวณหมู่ 8 บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง พร้อมทีมสัตวแพทย์ ได้ผ่าซากพบกระสุนปืนไรเฟิลที่ขมับเหนือเบ้าตาซ้าย ลึก 5 นิ้ว .และกระสุนปืนลูกซองที่สะโพกซ้ายบริเวณผิวหนังช้าง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม ส่วนชิ้นเนื้อบริเวณหลอดลมชั้นต้น ที่พบการอักเสบบวมแดงอย่างรุนแรง พร้อมทั้งอาหารที่หลงเหลือในกระเพาะ ทีมแพทย์ได้นำตัวอย่างชิ้นเนื้อทั้งหมดส่งตรวจยังห้องปฎิบัติการมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม วันนี้เช่นกัน
ซึ่งทาง ตำรวจ สภ.บ้านยางชุม ได้นำหัวกระสุนไรเฟิล และหัวกระสุนลูกซองเบอร์ 12 นำส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภาค7 จ.นครปฐม เพื่อหาข้อมูลว่าจะยิงออกมาจากปืนชนิดใด เพราะสามารถยิงได้จากปืนไรเฟิล และอาวุธปืนอื่นๆด้วย

ในส่วนความคืบหน้าของคดีล่าสุด พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุดเพื่อเร่งคลี่คลาย ประกอบด้วย ชุดที่ 1.พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสอบสวน ,ชุดที่ 2 พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสืบสวน และ3 พ.ต.อ.ชินวร เจียห์สกุล ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหัวหน้าชุดในการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่

ขณะที่ สภ.บ้านยางชุม ซึ่งใช้เป็นวอร์รูมสำหรับการติดตามดียิงช้างป่างามงาม กุยบุรี ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างทีมสืบสวน และทีมหาข่าวรวมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอกุยบุรี โดยมี พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสืบสวน ,พ.ต.อ.ชินวร เจียห์สกุล, ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.สวัสดิ์ สีนาก รอง ผกก.สส.สภ.บ้านยางชุม รักษาการผู้กำกับ สภ.บ้านยางชุม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายชยพล อินทรสุภา ปลัดอำเภออาวุโสกุยบุรี และทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริฯ กองพันทหารราบที่3 กรมทหารราบที่11รักษาพระองค์ (ร.11 พัน3 รอ.) ร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าในทางคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองฯลฯได้ร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่และลงพื้นที่เพื่อจุดต่างๆเพื่อติดตามคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงเจาะเบ้าตาช้างป่างามงามกุยบุรี

พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดสืบสวน กล่าวภายหลังเสร็จการระชุมว่า รายละเอียดของคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี ต้องขอเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานสืบสวนเชิงลึกก่อน จึงจะสามารถบอกรายละเอียดได้ เบื้องต้นตำรวจไม่ตัดประเด็นใดทิ้งแต่หลักๆ คือประเด็นเรื่องล่าเอางา กับเรื่องของการทำลายพืชผลทางการเกษตร และประเด็นแวดล้อมอื่นๆ

โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่หาข่าวเชิงลึกหากมีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังบุคคลใดก็จะสืบไปถึงทั้งหมด ส่วนกระสุนปืนที่ผ่าได้จากซากช้างป่าพลายงางาม นั้นซึ่งมีการส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาประกอบคดี พร้อมทั้งเตรียมตรวจสอบอาวุธปืน ในพื้นที่ต่างๆ ที่ในทุกอำเภอที่อยู่ล้อมรอบ อ.กุยบุรี ไม่ว่าจะเป็นอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอสามร้อยยอด เพราะคนกับปืนสามารถเคลื่อนที่ได้ และในเบื้องต้นช้างป่าอาจจะไม่ได้ถูกทำร้ายที่บริเวณจุดเกิดเหตุที่พบซาก แต่อาจจะถูกทำร้ายจากจุดอื่นก็เป็นได้ต้องสืบสวนหาข่าวทั้งหมด

ข้อมูลพบว่า ในพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์,อำเภอกุยบุรี,อำเภอสามร้อยยอด น่าจะมีอาวุธปืนไรเฟิลประมาณ 50-60 กระบอก ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจมีรายละเอียดแล้วจากข้อมูลของฝ่ายปกครอง เพียงแต่ขอให้รอให้ชัดเจนว่าผลพิสูจน์หัวกระสุนในวันที่(16 ม.ค.) ซึ่งน่าจะรู้ผล จะทำให้ตำรวจทำงานได้ตรงเป้าหมายเพราะจะระบุได้ว่าเป็นขนาดอะไร โดยทางตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน มีเบาะแสในพื้นที่ และมีการวิเคราะห์สาเหตุของกรณีช้างป่ากุยบุรีล้มในครั้งนี้แล้วไว้ในหลายประเด็นเชื่อว่าช้างป่าที่โดนยิง และล้มต้องถูกยิงจากจุดอื่นมาโดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทราบพิกัดจุดที่ยิงแล้ว เตรียมใช้หน่วยอีโอดี ตชด.14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ,ตร.พิสูจน์หลักฐาน ประจวบคีรีขันธ์ และทหารระดมสแกนหาปลอกกระสุนซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดลงมือยิง แต่ทางตำรวจยังไม่เปิดเผยในรายละเอียดเท่านั้น รวมทั้งกลุ่มพรานต่างๆ และเป้าหมายในอำเภอรอบๆ พื้นที่ป่ากุยบุรี รวมไปถึงลักษณะของผู้ที่ใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงช้างป่าครั้งนี้คงต้องศึกษา และรู้ว่าช้างป่าจะใช้เส้นทางไหนเข้าออก และเชื่อด้วยว่าเป็นผู้ที่ผ่านการใช้อาวุธปืนประเภทไรเฟิลมาแล้ว ในส่วนของออาวุธปืนลูกซองทางตำรวจก็มีการตรวจสอบควบคู่กันไป พร้อมย้อนหลังพลิกแฟ้มดูปัญหาช้างป่าที่ล้มในพื้นที่ป่ากุยบุรี ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบช้างป่าพลายงางาม เป็นตัวที่ 22

ขณะเดียวกัน นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต่างเสียใจกับเหตุยิงช้างป่างางาม กุยบุรี ครั้งนี้ซึ่งตั้งขอสงสัยทั้งกรณี ฆ่าเพื่อเอางา หรือสร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลปัญหาช้างป่าทำลายพืชไร่หรือไม่ จึงอยากให้ภาครัฐระดมความคิดแก้ปัญหาเพื่อให้คนกับช้างป่าอยู่ร่วมกัน เหมือนที่ผ่านมาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานแนวพระราชดำรัสด้านต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาให้กับหน่วยงานเกี่ยวข้อง
สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือ ในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องเร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะการตรวจหาอาวุปืนไรเฟิลที่ใช้ยิงช้างป่า โดยอยากให้ทุกคนหากใครทราบเบาะแสเรื่องยิงช้างป่า สามารถแจ้งได้ที่ตนเอง หรือผู้ใหญ่บ้านได้ทันทีพร้อมจะประสานกับทางตำรวจเข้ามาดำเนินการต่อไป

ขณะเดียวกันนายอรุณชัย สมมิตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านยางชุมเหนือ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหายิงช้างป่ากุยบุรีครั้งนี้ มันโหดเหี้ยม และทารุณช้างไม่มีโอกาต่อสู้ เกิดจากผลประโยชน์ของคนบางคน ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่อำเภอกุยบุรี ซึ่งระยะหลังช้างป่าเริ่มออกจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เข้าครั้งละประมาณ 5-6 ตัว มากัดกินพืชไร่ทั้ง สับปะรด ขนุน และล้มต้นยางพารา ทั้งหมู่บ้านรวมไทย หมู่บ้านย่านซื่อ ซึ่งทั้ง 2 หมู่บ้านเป็นพื้นที่อยู่ติดแนวเขตป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

จึงอยากฝากให้ทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และทหาร ฯลฯช่วยเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนกับช้างในพื้นที่ป่ากุยบุรี ผ่านมา 20 ปีเต็ม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำรัส เพื่อแก้ปัญหาคามขัดแย้งคนกับช้าง ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ จนทำให้ปัจจุบันนี้ผืนป่ากุยบุรี เริ่มฟื้นฟู สัตว์ป่าเริ่มกลับเข้ามา ทั้งช้าง กระทิง วัวแดง ฯลฯ และยังส่งผลสร้างอาชีพในการพานักท่องเที่ยวชมช้าง ชมกระทิง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีอีกด้วย และเพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่าต่อไป

ด้านนายสุนทร ประคำทอง วัย 70 ปีชาวบ้านกุยบุรี ซึ่งเคยอยู่ในเหตุการณ์เมื่อครั้งพบซากช้างป่ากุยบุรี ถูกฆ่าเผานั่งยางรถยนต์ เมื่อปี 2541 บริเวณหุบตาวิท บ้านพุบอน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี ซึ่งใกล้เคียงกับจุดที่พบซากช้างป่า เจ้าด้วนล้มในครั้งนี้ ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก แม้เวลาจะผ่านไปถึง 20 ปีเต็มก็ตาม ลุงเชื่อมั่นว่าชาวบ้านกุยบุรีไม่ทำร้ายช้างป่า เหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นคนจากที่อื่นเข้ามาทำกินในพื้นที่มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเผาซากช้างป่างางามกุยบุรี ตั้งแต่เที่ยงวานนี้จนถึงวันนี้ก็ยังทำการสุมไฟเผาซากช้างป่าอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า WWF ประเทศไทย ตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ยังคงช่วยกันพลิกชิ้นส่วนต่างๆขึ้นมา เนื่องจากพื้นด้านล่างมีน้ำขังอยู่จึงทำให้การเผาซากช้างป่าล่าช้า นอกจากนั้นยังต้องช่วยกันเฝ้าดูแลตลอดทั้งคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟป่าด้วย ซึ่งคาดว่าการเผาซากช้างป่ากว่าจะหมดคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.)