รวบได้แล้ว เจ้าของรถยนต์นิสสันสีแดง ที่เหยียบทับร่างวัยรุ่นที่กำลังประสบอุบัติเหตุสี่แยกหน้าธกส.สาขาขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนที่จะขับหลบหนี
วันที่ 15 มกราคม 2561 เวลา 12.30 น. ที่ สถานีตำรวจภูธรขุขันธ์ พันตำรวจโทหญิงปียาภรณ์ ไชยพรรค หัวหน้าชุดหน่วยวิทยาการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และคณะได้เดินทางมาตรวจสอบรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน กรณีที่ เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนกัน ที่ถนนขุขันธ์ สี่แยกบริเวณหน้าสำนักงาน ธนาคารฯ ธกส.สาขาขุขันธ์ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 มกราคม 2561 ช่วงเวลา 22.40 น. โดยมีรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน 1 กฉ 1139 หนองคายที่มี นายอนุชิต มาลิศรี อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1 หมู่ที่ 3 ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย เป็นผู้ขับขี่มา และมี นายพันธวัช นามโคตร อายุ 15 ปี นั่งซ้อนท้ายมาด้วย
ขณะที่ขับมาถึงที่เกิดเหตุไม่ทันระวัง ได้พุ่งเข้าชนรถจักรยายนต์ ทะเบียน ขจง.551 อุบลราชธานี โดยมี นายประวิทย์ จันทร์คอย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 1 ตำบลจาระแม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีที่ขับมาช้า ๆ จากการชนกันอย่างแรง จนเป็นเหตุให้รถจักรยายนต์ของ นายอนุชิต เสียหลักพุ่งข้ามเลนไปขนกันรถแท๊กซีศรีสะเกษ หมายทะเบียน ทข 9 ศรีสะเกษ ที่มีนายบุญลือ ยอดมณี อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243 หมู่ที่ 3 ตำบลคำสะอาง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ขับมาแต่นายสมพล ก็ไม่ได้จอดรถลงมาดู หรือทำการช่วยเหลือแต่อย่างใด เพียงจอดรถครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเร่งเครื่องขับหนีออกไปอีกทาง
จากนั้นเพียงครู่ใหญ่ ได้มีรถยนต์กระบะ นิสสันสีแดง หมายเลขทะเบียน บก.8954 ศรีสะเกษ ขับมา และพยายามขับแซงรถยนต์ที่จอดดูขึ้นมาก่อนที่จะเหยียบทับร่าง นายอนุชิต มาลิศรี ที่นอนออยู่กับพื้นถนน แม้ว่านายพันธวัช นามโคตร จะพยายามโบกมือแจ้งบอก แต่นายสมพล ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ยังขับรถยนต์ของตนต่อออกมา จนเหยียบทับร่าง แต่เมื่อสังเกตว่ารถเหยียบอะไรเข้า จึงได้เปิดประตูรถยนต์ลงมาดู และพยายามที่จะส่องใต้ท้องรถ แต่เมื่อพบว่าไม่พบอะไรก็ขับรถยนต์ถอยหน้าไปมาก่อนที่จะเร่งเครื่องขับออกไป (ตามภาพกล้องวงจรปิด )
ต่อมา ร้อยตำรวจเอกบุญลักษณ์ เหมือนแก้ว ร้อยเวร สภ.ขุขันธ์ ได้ทำการตรวจสอบภาพ และที่เกิดเหตุแล้วก็ได้เร่งสำนวน ติดตามจับกุมผู้ต้องมาได้ทั้งหมด 2 คน คนแรกนายสมพล โพธิ์ศรีสุข อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 2 ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ รับสารภาพ เป็นคนที่ขับแท๊กซี่คันดังกล่าว แต่ในเมื่อตนเห็นว่ารถจักรยานยนต์ พุ่งมาชนรถตนเอง ภายหลังจากรถรถจักรยานยนต์ด้วยกันเองแล้ว จึงไม่ติดใจ และขับกลับบ้านที่ในตัวเมืองศรีสะเกษ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตั้งข้อหา ไม่หยุดรถเพื่อทำการช่วยเหลือผู้อื่นขณะประสบเหตุ อีกคนคือ นายบุญลือ ยอดมณี เจ้าของและคนขับรถยนต์กระบะนิสสันสีแดง เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา ขับรถโดยประมาณจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยไม่ได้ทำการหยุดรถเพื่อเข้าทำการช่วย พร้อมส่งฟ้องศาลศรีสะเกษ ในบ่ายของวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวได้ ทำโฉนดที่ดินของภรรยา มาตีทรัพย์เพื่อทำการประกันตัว ไปแล้ว
ด้านพันตำรวจโทหญิงปียาภรณ์ ไชยพรรค หัวหน้าชุด หน่วยวิทยาการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการมาเก็บหลักฐาน โดยเฉพาะคราบเลือดที่ติดอยู่ใต้ท้องรถยนต์คันที่ชน และเชื่อว่าจะเหยียบร่างของผู้เสียชีวิต เพื่อส่งตรวจดีเอ็นเอที่กองบัญชาจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งคงจะต้องรออีกสัก 2 – 7 วัน หากผลแจ้งมาตรวจกับผู้ตายก็จะนำส่งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.ขุขันธ์ ประกอบสำนวนคดีส่งศาลต่อไป
ด้านนายพันธวัช นามโคตรหรือ น้องพัน ผู้ที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ประสบเหตุ พุ่งชนรถจักรยานยนต์ด้วยกัน ก่อนที่จะไถลไปชนรถแท๊กซี่ซึ่งตนก็พยายามที่จะโบกรถทุกคันที่กำลังจะผ่านไปมา แจ้งว่าเพื่อนตนนอนอยู่กลางถนน ซึ่งรถทุกคันเขาก็หยุด ชะลอ และร่วมสังเกตการณ์ แต่มีรถยนต์นิสสันคันสีแดงที่ขับแซงขึ้นมา และไม่สนใจการโบกแจ้งของตน ขับขึ้นมาและเหยียบทับร่างเพื่อนรุ่นพี่ที่น้องอยู่กลางถนนไปมา ก่อนที่จะขับหลบหนีไปเฉย จนเป็นเหตุให้เพื่อนรุ่นพี่ตนเสียชีวิต
ด้านนายวีระพงษ์ คำไบอายุ 43 ปี เจ้าของร้านเนื้อย่าง อำเภอขุขันธ์ ที่นายอนุชิต และนายพัน ทำงานอยู่ เปิดเผยว่า ทั้งสองคนทำงานอยุ่ร้านตนมา 2 ปีแล้ว นิสัยดี ไม่ดื่มเหล้า หรือ เบียร์ วันเกิดเหตุ หลังจากปิดร้านราว 22.00 น. ได้ชวนกันออกไปซื้อข้าวกินที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ขระนี้กลับมาก็ประสบเหตุก่อน ซึ่งศพญาติ พ่อแม่ ได้นำกลับไปฌาปนกิจที่บ้านเกิดจังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา แล้วจะเดินทางมาสอบถามความคืบหน้าคดี และบืนยันให้เป็นไปตามกฏหมาย และเชื่อว่าลูกหลานตนไม่ตายฟรีแน่นอน
ร้อยตำรวจเอก บุญลักษณ์ เหมือนแก้ว ร้อยเวร สภ.ขุขันธ์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุกลางดึก ตนได้รายงานให้ผู้กำกับทราบก่อนที่จะเดินทางออกไปสอบสวนเหตุ และเก็บภาพพร้อมได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิด จากนั้นได้ทำการสอบสวน ติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้ได้ตัวผู้ต้องหาครบถ้วน ทั้งคนขับรถแท๊กซี และคนขับรถกระบะนิสสันสีแดง แม้จะยังปฎิเสธว่าไม่เห็นร่างใครขณะขับรถผ่านที่เกิดเหตุก็ตาม แต่หากคราบเลือดุติดอยู่ใต้ท้องรถก็จะต้องมีความผิดตามกำหมาย ตนรับรองจะให้ความเป็นธรรมตามกฎหมายทั้งสองฝ่าย ขอให้เป็นไปตามหลักฐาน ตามความจริง