ตำรวจหอบสำนวนกว่า 100 แฟ้ม คดีนายกอบจ.นครสวรรค์ทุจริตงบ ส่งอัยภารภาค 6
เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 15 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่สำนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 6 เลขที่ 273/10 ถนนพิชัยสงคราม อ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.บุญเชิด จันทร์มณี รองผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้นำสำนวนการสอบสวนคดีร่วมกันทุจริตโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มอาชีพ กลุ่มสตรี และกลุ่มผู้นำชุมชนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่ปี 2554 พร้อมด้วยนายมานพ ศรีผึ้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์และพวก จำนวน 13 คน ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีร่วมกันทุจริตโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มอาชีพ กลุ่มสตรี และกลุ่มผู้นำชุมชนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ในการอนุมัติให้โอนงบประมาณเพิ่มจากของกองคลัง กองกิจการพาณิชย์และกองส่งเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นงบประมาณโครงการอื่นๆ จำนวน 9 ครั้ง เป็นเงิน 8,648,180 บาท เกินความจำเป็นมาใช้จ่ายในโครงการส่งเสริมศักยภาพกลุ่มอาชีพ กลุ่มสตรีแม่บ้านและกลุ่มผู้นำชุมชน ทั้งที่มีงบประมาณตามข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกตามโครงการนี้ได้ตั้งไว้ก่อนแล้ว จำนวน 8,300,000 บาท รวมใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 16,948,180 บาท
พ.ต.ท.บุญเชิด จันทร์มณี รองผกก. สภ.นครสวรรค์ กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญากรณีการทุจริตโครงการส่งเสริมพัฒนากลุ่มอาชีพ กลุ่มสตรีแม่บ้าน และกลุ่มผู้นำชุมชน ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ปีงบประมาณ 2554 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนและพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าว ยังมิใช่คดีความผิดทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษ โดยเป็นกรณีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ปปช. ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ทาง ปปช.ก็ส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ทำการสอบสวน
โดยสอบพยานไปถึง 17,000 ราย และพบว่าการดำเนินการจัดกิจกรรมตามโครงการฯ ได้มีการขออนุมัติจัดกิจกรรมและดำเนินการรวมทั้งสิ้น 45 รุ่น รวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 16,368,180 บาท เช่นสถานที่ วิทยากรผู้บรรยาย สถานที่ศึกษาดูงาน และสถานที่พักอาศัยในระหว่างไปศึกษาดูงาน การจัดกิจกรรมของรุ่นๆ ของแต่ละรุ่น ปรากฏว่ามิได้ดำเนินการครบถ้วนตามโครงการที่กำหนดไว้ทุกรุ่น เช่น รุ่นที่ 5 รุ่นที่ 6 รุ่นที่ 23 และ รุ่นที่ 43 ไม่มีการดำเนินการจัดกิจกรรมใดๆ เลย และมีการทำบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ อันเป็นเท็จ และมีการปลอมลายมือชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อนำไปเบิกจ่าย ซึ่งถือว่าร่วมกันกระทำผิดจริง จึงได้นำสำนวนและนำตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องมาสำนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 6 เพื่อดำเนินคดีต่อไป