ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี! ผิดจากนี้มิใช่เรา! สุทธิชัย หยุ่น

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี! ผิดจากนี้มิใช่เรา! สุทธิชัย หยุ่น

“ผมบอกกับทุกคนได้ว่าจงภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น หรือเคยเป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น ว่านี่คือสถาบันที่เราตื่นเช้าทุกเช้าแล้วบอกกับตัวเองได้ว่าเราเป็นสื่อ

ชีวิตคือการเดินทาง และการเดินทางเมื่อถึงจุดหมายก็ใช่ว่าจะไปต่อไม่ได้ ชีวิตจึงยังมีหนทางที่แตกแขนงให้เดินต่อไปได้อีก

วันนี้อย่างที่รู้กันว่า “สุทธิชัย หยุ่น” ที่ปรึกษากองบรรณาธิการเครือเนชั่น ในวัย 72 ปี ได้ประกาศวางมือจากองค์กรสื่อที่ปลูกสร้างมากับมือจนกลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ “เครือเนชั่น”

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเลี้ยงอำลาชีวิตและการทำงาน 47 ปีที่เนชั่น ตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม 2514 มาจนถึงช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมานั้น

ยังมี “หมุดหมาย” อะไรหลายอย่างที่อดีตผู้บริหารเครือเนชั่นผู้นี้ ทิ้งไว้ให้พนักงานรุ่นหลัง ตลอดจนคนรุ่นใหม่ ทวนคิด ตระหนักรู้ ว่าความท้าทายใหม่ของคนข่าวในวันข้างหน้า...ยังมีอีกเยอะ

จะเรียกว่าเป็น “วันศุกร์” ที่ “ชาวเนชั่น” ไม่อยากให้มาถึงก็ได้ เมื่อการเลี้ยงอำลาเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลา 15.00 น. ที่บริเวณชั้น 1 อาคารมหาวิทยาลัยเนชั่น ถนนบางนา-ตราด

บรรยากาศบริเวณสถานที่จัดงานก่อนช่วงงานเริ่มที่ค่อนข้างเงียบเชียบและดูหงอยเหงา กลับแคบไปถนัดตา กับภาพของผู้คนที่ไม่เฉพาะชาวเนชั่น แต่ยังมีแขกวีไอพีจากหลายองค์กรชั้นนำ ตลอดจนสื่อมวลชนจากหลายค่ายมากันเพียบ! เพื่อร่วมเลี้ยงอำลาบุคคลที่เปรียบเสมือนบิดาผู้ให้กำเนิดเนชั่นก็ไม่ผิด!

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

          บนเวทีโล่งๆ ที่ตบแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยสีน้ำเงินสีประจำของบริษัท ติดข้อความว่า “งานเลี้ยงอำลา คุณสุทธิชัย หยุ่น 12 มกราคม 2561” เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น หลังจากที่พิธีกร “กนก รัตน์วงศ์สกุล” กล่าวเปิดงาน

          ท่ามกลางเสียงปรบมือ การกรูกันเข้ามาขอถ่ายภาพกับสุทธิชัย ทั้งเซลฟี่และภาพหมู่ของบรรดาพนักงานทั้งเก่าและปัจจุบันอย่างชื่นมื่นสนุกสนานและเต็มไปด้วยยิ้มแล้ว

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

          จากนั้นนาทีสำคัญก็เกิดขึ้น นั่นคือการขึ้นกล่าวบนเวทีของ "เทพชัย หย่อง" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือเนชั่น และตามมาด้วย “สุทธิชัย หยุ่น” ที่ต้องบอกว่าอาจจะมีแต่ “คนเนชั่นพันธุ์แท้” เท่านั้น ที่ฟังแล้วอินเนอร์มาเต็ม!!

          “วันที่ผมพบกับคุณสุทธิชัยครั้งแรก ไม่ใช่ในฐานะของน้องชาย แต่เป็นคุณสุทธิชัยที่ทุกลมหายใจคือการทำงานเพื่อเนชั่น วันนั้นคือเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ บริหารงานมีลูกน้องเป็นฝรั่งที่อายุมากกว่าเขาด้วยซ้ำ”

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

 

          “แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกอย่างที่คุณสุทธิชัยได้เริ่มและได้ทำมา ถ้าเรามองย้อนกลับไปดูเกือบทั้งหมดมันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระแส จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อสารมวลชนที่คนไทยตั้งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเพื่อแข่งกับฝรั่ง”

          จากนั้นซีอีโอเครือเนชั่นบอกเล่าถึงลำดับการเติบโตของสื่อในเครือเนชั่น ทั้งหนังสือพิมพ์ธุรกิจ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อใหม่ พร้อมกับกล่าวว่า

          “ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ในฐานะที่คุณสุทธิชัยเป็นส่วนสำคัญในการทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมา ที่มีส่วนในการกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของสื่อ”

          “แต่สิ่งหนึ่งที่มีความหมายและทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นสิ่งที่คุณสุทธิชัยได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พวกเรามากที่สุด ก็คือการให้แรงบันดาลใจในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กร ที่จะกล้าทำหน้าที่สื่ออย่างเสรี ลุกขึ้นมาปกป้องการทำงานในหลักการอันถูกต้องของสื่อ ไม่ว่าสถานการณ์จะวิกฤติ และท้าทายอำนาจไม่ว่าจะมีมากมายขนาดไหน”

----

          แน่นอนเมื่อพูดถึงคำว่า “หลักการและจิตวิญญาณเสรีของสื่อ” ก็ต้องให้ต้นตำรับเป็นผู้กล่าวเอง

          และเสียงปรบมือในพื้นที่งานเลี้ยงอำลาดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าตำนานแห่งเครือเนชั่นขึ้นกล่าวบนเวทีในมาดที่คนเนชั่นคุ้ยเคย รอยยิ้ม แววตา ที่ทุกคนจะต้องหยุดทุกอย่าง...เพื่อฟังทุกครั้ง

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

          “ผมบอกกับทุกคนได้ว่าจงภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น หรือเคยเป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น ว่านี่คือสถาบันที่เราตื่นเช้าทุกเช้าแล้วบอกกับตัวเองได้ว่าเราเป็นสื่อมีศักดิ์ศรี”

          “ไม่เคยมีใครสั่งเราให้เขียน หรือไม่เขียน รายงาน หรือไม่รายงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่วันแรกของเนชั่นจนถึงวันนี้ ทุกคนที่ผ่านที่นี่มาและที่ยังอยู่จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นจิตวิญญาณที่สำคัญที่สุดของความเป็นเนชั่น คือการที่ไม่มีใครสั่งให้เราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตามหลักจริยธรรมได้...ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว”

          “และทุกครั้งที่เราสูญเสียอิสรภาพในการทำงาน เราฟื้นกลับมาอีกครั้ง และทุกครั้งที่เราฟื้นจากวิกฤติ เราจะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน”

          ถึงตรงนี้เชื่อว่าชาวเนชั่นที่ผ่านทุกอย่างมาพร้อมกันจะนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งที่ผ่านนานไปแล้ว และที่ยังตลบไปด้วยกลุ่มควัน จากนั้น “สุทธิชัย หยุ่น” จึงหยิบคู่มือคนข่าวเครือเนชั่นเล่มเล็กๆ สีน้ำเงิน ขึ้นมา คู่มือนั้นมีชื่อว่า “Nation Way หลักจริยธรรมของคนข่าวเครือเนชั่น” พร้อมกล่าวว่า

 

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

 

          “พลังของการเป็นสื่ออิสระนี่มันมีค่าอย่างที่จะอธิบายไม่ได้ ทำไมคนเนชั่นต้องทำงานหนัก ต้องเคร่งครัด ทำไมเราต้องมีเล่มเล็กๆ นี้ แล้วทำไมเราถึงต้องประกาศว่า ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา”

          “มีคนบอกว่าเราอหังการ์ มีคนบอกว่าเราน่าหมั่นไส้ ก็ตอนที่เราออกกติกาว่าด้วยจริยธรรมให้แก่นักข่าวทุกคน บรรณาธิการทุกคน เพราะเป็นพันธะกรณีกับสังคม ที่เราทำตามนี้ ถ้าเราผิดจากกติกาข้อไหน กรุณารายงานและลงโทษเราด้วย”

          จากนั้นสุทธิชัยยังกล่าวอีกว่า ถ้าคนสื่อเนชั่นจะสร้างศรัทธากับประชาชนเราต้องมีกติกาบอกกล่าวกับเขาว่าความประพฤติของเรา มาตรฐานอยู่ตรงไหน นี่จึงเป็นที่มาของการที่ผู้คนมีความเชื่อใน “แบรนด์เนชั่น”

          “เราอาจจะเป็นสื่อเดียวในประเทศไทยที่ร่วมกันตั้งขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณของคนข่าว ไม่ใช่นายทุน ไม่ใช่คนมีเงินคนใดคนหนึ่งอยากจะเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ เจ้าของสื่อ แล้วมาบอกว่า ผมจ้างพวกคุณทำ แล้วแนวหนังสือพิมพ์ต้องเป็นไปตามที่นายทุนต้องการ...ไม่มีครับ แล้วเรารักษามันประดุจชีวิตของเรา จริงๆ ตลอดเวลา”

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

 

          ทั้งหมดนี้จึงเป็นจุดที่แข็งที่สุดและเป็นจุดที่สังคมให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในความเป็นเนชั่น ว่าเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของเราและเราทำจริงๆ

          “ผมหวังว่าเราจะมีภูมิต้านทาน ความพร้อมที่จะปรับตัวจากนี้ไป สำหรับทุกคนที่ยังต้องเดินเส้นทางนี้ต่อไป”

          น่าเสียดายที่พื้นที่มีไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่าทั้งหมดที่คุณสุทธิชัยกล่าวในวันนั้นยังก้องอยู่ในใจทุกคนตลอดไป โดยเฉพาะเมื่อคุณสุทธิชัยได้นำเนื้อหาในเล่มเล็กสีน้ำเงิน อันถือเป็นธรรมนูญคนสื่อไปแล้วก็ว่าได้ โดยกล่าวว่า

          “คนทำสื่อในเครือเนชั่นมีความตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าสังคมคาดหวังมาตรฐานจริยธรรมของคนทำข่าวสูงกว่าผู้คนในหลายอาชีพ และในฐานะที่เราอาสามาเป็นผู้เสาะแสวงหาข้อมูลข่าวสารมืออาชีพ ถือว่าไม่มีอะไรมีค่ามากกว่าความน่าเชื่อถือของสังคมโดยส่วนรวม และความน่าเชื่อถือที่มั่นคงถาวรย่อมมาจากการมีหลักปฏิบัติ มีจริยธรรมที่ถือเอาความถูกต้องเที่ยงธรรม ยุติธรรมและความรอบด้านของการทำหน้าที่ของเราอย่างมุ่งมั่น โปร่งใส สอดคล้องกับทำนองคลองธรรมแห่งสื่อมวลชนที่อิสรเสรีและรับผิดชอบ”

          “จึงประกาศไว้เป็นสัจธรรมแก่ผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้ชม และผู้ร่วมขบวนการแห่งข่าวสารข้อมูลของเครือเนชั่นว่า ...ผิดจากนี้จึงมิใช่เรา”

 

ศักดิ์ศรี จิตวิญญาณเสรี!  ผิดจากนี้มิใช่เรา!  สุทธิชัย หยุ่น

 

          ถึงตรงนี้หลายคนอาจถามว่า เรายังเห็นหน้าค่าตา สุทธิชัย หยุ่น ในหน้าสื่ออีกหรือไม่ คำตอบที่เจ้าตัวให้ไว้ในวันนั้นคือ เขาจะยุติการทำงานหน้าจอเนชั่นทีวีนับแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และจะเขียนคอลัมน์ “กาแฟดำ”ชิ้นสุดท้ายในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับ 28 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ แต่แฟนพันธุ์แท้ของเขาจะยังคงพบเขาได้ในเฟซบุ๊ก “Suthichai Yoon”

          เพราะหนทางมีไว้ให้เดิน ข่าวสารมีไว้ให้บอกต่อ และเรื่องราวของเจ้าตำนานคนข่าวผู้นี้จะไม่มีวันจบ!