ไอดีซีเผย '10 เทรนด์ดิจิทัล' อิทธิพลแรงลงทุนไอทีไทย

ไอดีซีเผย '10 เทรนด์ดิจิทัล' อิทธิพลแรงลงทุนไอทีไทย

ไอดีซีประเทศไทยคาดการณ์ว่า การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของทั้งองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

จาริตร์ สิทธุ หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการ บริษัท ไอดีซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของไทย ทำให้การลงทุนด้านไอทีปี 2561 สามารถเติบโตขึ้นไปแตะที่ระดับ 4.4 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2.8% จากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปสู่ระดับ 4.7 แสนล้านบาทได้ภายในปี 2564

ขณะที่ปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 4.28 แสนล้านบาท เติบโต 12.4% จากปี 2559 ผลักดันโดย “สมาร์ทโฟน” ซึ่งสร้างสัดส่วนกว่า 40%

อย่างไรก็ดี องค์กรที่จะสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation Economy) จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นองค์กรดิจิทัลโดยสมบูรณ์ (Digital Native Enterprise) เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม จนนำไปสู่การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ในที่สุด

“เรากำลังเห็นหลายๆ องค์กรในประเทศไทยปรับตัวเพื่อสร้างและเพิ่มความสามารถด้านดิจิทัล โดยเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการทำงาน พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ตลอดจนวิธีการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล”

สำหรับ 10 แนวโน้มเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีผลต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ต่อเนื่องไปถึงการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อก้าวไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไปประกอบด้วย

อันดับแรก แพลตฟอร์มดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ภายในปี 2563 องค์กรขนาดใหญ่ 20% ของไทยจะมีการกำหนดกลยุทธ์การสร้าง “แพลตฟอร์มดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น” ที่ชัดเจนและจะเริ่มดำเนินการติดตั้งแพลตฟอร์มนี้เพื่อเป็นเครื่องมือหลักในการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัล

ขณะที่ 2. โอเพ่นเอพีไอ ภายในปี 2564 มากกว่า 1 ใน 3 ของ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของไทยจะพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว 1 ใน 3 ของการใช้งานบริการดิจิทัลของตนจะผ่านระบบเอพีไอแบบเปิด โดยเพิ่มขึ้นจากแทบ 0% ในปี 2560 ซึ่งทำให้สามารถขยายบริการดิจิทัลให้ไปได้ไกลกว่าแค่เฉพาะลูกค้าของตนเท่านั้น

3. ธุรกิจดิจิทัล ภายในปี 2561 ผู้บริหารด้านไอที 30% จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การสร้างรายได้จากดาต้า และการสร้างธุรกิจดิจิทัล โดยถือว่าเป็นวาระสำคัญขององค์กร

แนวโน้มที่ 4. คลาวด์ 2.0 จะกระจายตัวและเฉพาะทางมากขึ้น โดยภายในปี 2564 การลงทุนขององค์กรในบริการคลาวด์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการที่ใช้งานผ่านคลาวด์ จะเพิ่มจนสูงกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้งานระบบคลาวด์ที่หลากหลายขึ้น ซึ่งจะอยู่ที่ “เอดจ์” 15% จะมีการใช้เครื่องมือคอมพิวต์เฉพาะทาง (ไม่ใช่ X86) กว่า10% และจะมีการใช้งานมัลติคลาวด์กว่า 30%

5. ความเสี่ยงและการสร้างความเชื่อมั่น ภายในปี 2561 ผู้บริหารด้านไอที 30% จะหันกลับมาสนใจการตรวจสอบผู้ใช้งานระบบและการสร้างความเชื่อมั่นในระบบไอที เพื่อบริหารความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจะทำให้ระบบไซเบอร์ซิเคียวริตี้เดิมที่ไม่สามารถปกป้องดาต้าได้นั้นถูกปลดระวางไป

นอกจากนี้ 6.บุคลากรที่มีความสามารถด้านดิจิทัล ภายในปี 2563 ตำแหน่งงานด้านเทคนิคที่เปิดใหม่ 25% จะต้องการผู้สมัครที่มีทักษะการวิเคราะห์และเอไอ เพื่อช่วยองค์กรให้ดำเนินโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นที่เกี่ยวข้องกับดาต้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องว่าจ้างบุคลากรด้านดาต้าโดยเฉพาะ

7.ผู้ช่วยดิจิทัล ภายในปี 2562 ผู้ช่วยดิจิทัลและบอทจะมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงแค่ 3% ของธุรกรรมทั้งหมด แต่จะช่วยสร้าง 10% ของยอดขาย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้องค์กรที่ใช้งานเทคโนโลยีนี้ให้เติบโตได้

ประการที่ 8. เทคโนโลยี 5จี และ โมบายไอโอที ภายในปี 2564 บริการ 5จี จะช่วยผลักดันการใช้งานอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ และจะกระตุ้นให้ 50% ของ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของไทยลงทุนในโซลูชั่นด้านการจัดการการเชื่อมต่อเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

9. ไอโอทีซิเคียวริตี้ภายในบ้าน ภายในปี 2563 กว่า 22% ของโซลูชั่นไอโอทีภายในบ้านที่ติดตั้งด้วยตนเองจะถูกเจาะระบบ แต่จะมีเพียง 12% ของโซลูชั่นไอโอทีภายในบ้านที่ติดตั้งโดยผู้ให้บริการเท่านั้นที่จะถูกเจาะ

สุดท้าย 10. การชำระเงินผ่านโมบาย ภายในปี 2563 อุปกรณ์เคลื่อนที่จะกลายเป็นเทอร์มินัลรับชำระเงินโดยพฤตินัยในประเทศไทยและในหมู่ผู้ประกอบการขนาดย่อมที่เกิดใหม่ โดยการใช้งานนี้จะผลักดันให้รายได้ของผู้ประกอบการขนาดย่อมเติบโตขึ้น 10%

สุเดฟ บังกาห์ ประธานบริหาร ประจำภูมิภาคอาเซียน ไอดีซี กล่าวเสริมว่า องค์กรในประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับการทรานส์ฟอร์มและการสร้างนวัตกรรมขึ้นไปอีก เพราะการแข่งขันที่จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ไอดีซีเชื่อว่าจะมีองค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ยกดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นให้เป็นส่วนสำคัญที่สุดของกลยุทธ์องค์กร เพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสในการเติบโต

การคาดการณ์ของไอดีซีมุ่งเน้นไปที่การใช้งานเทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 ทั้งคลาวด์ โมบิลิตี้ บิ๊กดาต้า และโซเชียล ประกอบกับการใช้งานเทคโนโลยีตัวเร่งนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น เออาร์ วีอาร์ ระบบคอมพิวเตอร์เสมือนมนุษย์ ระบบซิเคียวริตี้ยุคใหม่ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (ไอโอที) การพิมพ์ 3 มิติ และระบบหุ่นยนต์