ร้องศูนย์ดำรงธรรมสุดทนกลิ่นขี้หมู 

ร้องศูนย์ดำรงธรรมสุดทนกลิ่นขี้หมู 

ชาวบ้านสุดทน ดมขี้หมูจากฟาร์มแรมปี ร้องศูนย์ดำรงธรรมลงตรวจ

วันที่ 11 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.00 น. นายสุกิจ กลีบแก้ว ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม เชิญผู้ประกอบการแหลมทองฟาร์ม หมู่ 11 บ้านนาราชควายน้อย ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงหมูและไก่ เข้าชี้แจงจากกรณีมีชาวบ้าน ต.นาราชควาย และ ต.หนองญาติ ร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากฟาร์มหมูแห่งนี้ โชยกลิ่นเหม็นตลอดเวลา โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังประกอบด้วย กอ.รมน.ฯ ฝ่ายปกครอง ปศุสัตว์ อบต.ฯ และตำรวจในห้องประชุมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ

ซึ่งในข้อร้องเรียนของชาวบ้าน มี นายสมประสงค์ มีสวัสดิ์ นายก อบต.นาราชควาย เป็นผู้แทน กล่าวคือ ฟาร์มดังกล่าวเปิดกิจการเลี้ยงหมูและไก่ บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ ริมถนนทางหลวงชนบทสายบ้านดอนโมง-นาราชควาย แต่ระบบบำบัดไม่ได้มาตรฐาน กลิ่นจึงโชยไปไกลหลายกิโลครอบคลุมหลายหมู่บ้าน แม้แต่สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยนครพนม ที่ตั้งอยู่บ้านเนินสะอาด แม้อยู่ห่างก็ยังได้กลิ่น โดยเฉพาะเวลามีลมพัดแรงกลิ่นยิ่งกระจายไปไกลกว่าปกติ และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมานานหลายปี จนทนไม่ไหวจึงรวมตัวกันเข้าร้องเรียน

จากนั้น นางอุทัย พนมเริงศักดิ์ อายุ 63 ปี เจ้าของฟาร์ม และ นายอดิศักดิ์ พนมเริงศักดิ์ อายุ 34 ปี ลูกชายในฐานะผู้จัดการ ได้พาคณะเจ้าหน้าที่ลงตรวจพื้นที่ ก้าวแรกที่ลงจากรถก็ได้กลิ่นขี้หมูโชยเข้าจมูก พบระบบบำบัดยังมีข้อบกพร่องหลายแห่ง โดยเฉพาะท่อระบายน้ำเสีย ซึ่งใช้ระบบรางมีปัญหา เนื่องจากขาดความลาดเอียง ไม่สามารถระบายลงบ่อพักได้ จึงมีน้ำเสียขังอยู่ในรางจำนวนมาก และยังพบว่ามีการระบายน้ำเสียลงท่อสาธารณะไปยังแหล่งน้ำธรรมชาติ

นายพิพรรธพงศ์ พูดเพราะ สัตว์แพทย์ผู้ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์นครพนม จึงแนะนำให้เปลี่ยนระบบระบายน้ำเสียจากรางมาเป็นท่อ และปรับเป็นฟาร์มปิด ภาพรวมยังต้องแก้ไขปรับปรุงอีกมาก เจ้าของฟาร์มต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน ขณะที่นางอุทัยกล่าวว่าฟาร์มแห่งนี้ เลี้ยงหมูเพื่อชำแหละมาตั้งแต่ปี 2529 เริ่มแรกมีประมาณ 100 ตัว ปัจจุบันขยายใหญ่จนมีหมูในคอกกว่า 1,000 ตัว และเลี้ยงไก่เพิ่มอีก 6,000 ตัว การบำบัดจะต้องรอการแนะนำจากผู้ชำนาญการอีกครั้ง และนายอดิศักดิ์ผู้จัดการฟาร์มก็พร้อมจะพูดคุยกับชาวบ้าน เพื่อนำข้อชี้แนะต่างๆไปปฏิบัติให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด