ส่องตลาดหุ้นไทยปี 61 หุ้นไหนปังสุด เช็คด่วน!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "หมอช้าง" ทศพร ศรีตุลา นักโหราศาสตร์ชื่อดัง เปิดเผยผ่านทีมงานหลักทรัพย์บัวหลวงแบบเอ็กซ์คลูซีฟโดยระบุว่า หลังเดือน เม.ย. จนถึงเดือน ก.ย. 2561 ตลาดหุ้นอาจตกอยู่ในลักษณะ "ไม่คงที่" นั่นเป็นเพราะ "ดาวหลัก" (ดาวพฤหัส) ที่เป็นหัวใจของดวงเมืองมีการโคจรผิดปกติ เพราะตามธรรมชาติดาวหลักจะเปลี่ยนปีละ 1 ครั้ง แต่ตลอดปี 2561จะมีการย้ายเข้าออกผิดปกติ

โดยเดือน ม.ค. ดาวหลักจะอยูในราศีตุลย์ ก่อนจะย้ายไปอยู่ราศีพิจิกในเดือน ก.พ. และย้ายกลับไปอยู่ราศีตุลย์ ในเดือน เม.ย. ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่ราศีพิจิกอีกครั้งในเดือน ก.ย. 2561 การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ ภาษาดวง เรียกว่า "ดาวถอยหลัง" ซึ่งปกติดาวจะถอยหลังไม่ได้..

แต่เมื่อผ่านเดือน ก.ย. ไปแล้ว ตลาดหุ้นอาจกลับมา "คึกคักในมุมลบ" หลังดาวพฤหัสกลับมาอยู่ในราศีพิจิก ซึ่งเป็นมุมที่ไม่ดีต่อดวงเมือง ภาษาดวง เรียกว่า "ตำแหน่งมรณะ" แต่ก็สามารถตีความได้หลากหลายด้าน ใน "มุมดี" อาจหมายถึง การเปลี่ยนแปลง เพื่อไปสู่ปีที่ดีกว่า ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2562

เพราะปี 2562 ดาวพฤหัสจะย้ายไปอยู่ในราศีธนู นั่นแปลว่า การนับหนึ่งของดวงเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นดวงเมืองจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศุภะ" แปลว่า ความเจริญก้าวหน้า แต่ก่อนจะดี ก็คงไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นต้องติดตามข่าวรอบด้านอย่างใกล้ชิด

"ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 เหมาะแก่การเข้าลงทุนมากที่สุด แต่หลังจากนั้นตลาดอาจอยู่ในลักษณะเหวี่ยง ส่วนเดือนก.ย.จะอยู่ในรูปแบบใด คงต้องติดตามกระแสข่าวรอบด้านอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่า คงมีข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และสถานการณ์รอบโลกออกมาเป็นตัวชี้วัดการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย" หมอช้าง กล่าว

สำหรับ "เรื่องน่ากังวล" ตลอดปี 2561 เนื่องจากดาวที่ดีอ่อนกำลังลง และดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดาวแห่งความขัดแย้ง และสงคราม กับมีพลังมากขึ้น ฉะนั้นคงต้องจับตาดูเรื่องสงครามในต่างประเทศเป็นพิเศษ ยิ่งดวงชะตาของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา และ "วลาดีมีร์ ปูติน" ประธานาธิบดีรัสเซีย ชงในปี 2561 ยิ่งต้องระวัง เพราะสองคนนี้มีดวงชะตาเป็นศัตรูต่อกัน คนหนึ่งเกิดปีมะโรงอีกคนเกิดปีจอ (ปี 2561 ปีมะโรง “ชง” ปีจอ ปีร่วมชง คือ ปีฉลู ปีมะแม และปีจอ )

ทั้งนี้ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ "แม่" จะเป็นกิจการดาวรุ่งในปี 2561 เพราะ "ธาตุดิน" หมายถึง แม่, การเกษตร, อาหาร และสิ่งที่งอกเงยมาจากดิน เช่น สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การออกกำลังกาย อสังหาริมทรัพย์ และที่ดิน เป็นต้น

ส่วนธุรกิจดาวร่วงในปี 2561 คงต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับ ธุรกิจสื่อมีเดีย และพลังงาน เพราะกลุ่มดังกล่าวเป็นธาตุไฟ ซึ่งจะถูกธาตุดินดูดพลังงาน แนะนำให้ "หลีกเลี่ยง"

สำหรับ "หุ้นเด่น" ได้แก่ กลุ่มอาหาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มเกษตร และกลุ่มก่อสร้าง

ขณะที่ หลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้นอย่าง ธนาคารและการเงิน, สินเชื่อ, ค้าปลีก, สื่อ, ยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นกลุ่มที่น่าจับตาในปี 2561 เพราะกลุ่มเหล่านี้อาจได้อานิสงส์จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระหว่างปีด้วย เช่น การประมูลคลื่นความถี่ของกลุ่มโทรคมนาคม, การประมูลโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ และการเลือกตั้ง เป็นต้น

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 "กลุ่มน่าลงทุน" คือ กลุ่มธนาคารและการเงิน หลังสินเชื่อรายย่อยโตแกร่ง และหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของแบงก์ขนาดใหญ่ลดลง หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดแล้ว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย เลือกลงทุนบริษัทที่มีแนวโน้มกำไรปี 2561 เติบโต และมีอัตราเงินปันผลระดับสูง และ กลุ่มบันเทิงและค้าปลีก คาดเม็ดเงินโฆษณาและยอดขายสาขาเดิมพุ่งขึ้น เน้นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการถูกปรับลดประมาณการกำไรลง