ซุกซนสไตล์สตรีทอาร์ท ฝ้าย-ฟ้าวลัย

ซุกซนสไตล์สตรีทอาร์ท ฝ้าย-ฟ้าวลัย

ทำงานศิลปะไม่เคยคิดว่า มันจะมีรายได้ ไม่เคยคิดเรื่องจุดหมายไกลๆ และงานจะพาเราไปเอง

""""""""""""""""

คนเราถ้าได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ส่วนใหญ่มักจะทำออกมาได้ดี เหมือนเช่นศิลปินคนนี้ ฝ้าย-ฟ้าวลัย ศิริสมพล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Mamablues

นอกจากเป็นคนซุกซนชอบวาดกำแพง ผนังตึกร้างแล้ว ยังเป็นนักแสดงโฆษณา ล่าสุดมีผลงานปฎิมากรรมชิ้นใหญ่ ใน เทศกาลแห่งความสุข ภายใต้คอนเซปต์TheAmazing Carnival ซึ่งทางเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์จัดขึ้นในช่วงเดือนนี้

ฝ้าย-ฟ้าวลัย ศิลปินสตรีทอาร์ท เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสนำเสนอไอเดียเต็มที่ โดยได้รับโจทย์ให้ตีความคอนเซปต์TheAmazing Carnival เธอจึงจำลองปฎิมากรรมให้มีสีสันโดดเด่น และเหนือจริง เสมือนสถานที่นัดพบของจักรวาล

ว่ากันว่า ศิลปินสตรีทอาร์ทคนนี้ แม้จะจบด้านสถาปัตยกรรม แต่ชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ถ้ามีกำแพงให้ขีดๆ เขียนๆ เธอจะแสดงฝีมือเต็มที่

“วาดรูปบนผนังกำแพงตึกร้างตั้งแต่สมัยเรียน ทำสนุกๆ กับเพื่อน จนคนมาเห็น ก็ชอบ และชวนไปวาดรูปในโรงแรมและรีสอร์ท” ฝ้าย เล่าถึงศิลปะที่ตัวเองรัก 

แรกๆ เธอก็ใช้สีขาวดำวาดกำแพงตึกร้างอยู่คนเดียว จากนั้นก็รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ใครมีพื้นที่รกร้างที่อยากไปวาดตรงไหน ก็ชวนกันไปวาด

“จำได้ว่างานชุดหนึ่งเราเรียกว่าspace ทำร่วมกับเพื่อนๆ สี่ห้าคนบนผนังกำแพงเดียวกัน สไตล์งานของแต่ละคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อนคนหนึ่งชอบวาดสไตล์อวกาศ แต่เราชอบแนวละครสัตว์ และมีเพื่อนอีกคนชอบวาดแนวธรรมะ ทำงานคนละแบบเหมือนอยู่คนละดาว ไม่น่าจะอยู่ในนิทรรศการเดียวกัน แต่ก็เป็นงานที่สนุก

นั่นทำให้คนรู้ว่า พวกเราวาดกำแพงได้ ถ้าเพื่อนคนไหนมีพื้นที่วาดตึกร้างๆ ตรงไหนก็ชวนกันไปวาดรูป แต่ถ้าไปคนเดียวก็จะวาดแบบง่ายๆ สีขาวดำ เราจะมีกลุ่มอยู่แล้ว อย่างบางแห่งเขาจ้างให้วาดท่อแอร์ที่ไม่สวยงามให้ดูดีและสวยงาม” ฝ้ายเล่าถึงงานศิลปะ

  ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่แค่งานศิลปะ ยังรวมถึงละครใบ้ และการแสดง Performance Art โดยเธอบอกว่า สนใจเรื่องความรู้สึกของมนุษย์ ชอบศิลปะที่แสดงออกทางภาษากาย โดยเฉพาะละครใบ้ รวมความเซอร์เรียล  

“เราเป็นคนชอบศิลปะตั้งแต่เด็ก แต่สนใจเรื่องการแสดงด้วย ความชอบอาจจะแตกต่างจากสิ่งที่เราเป็น เคยเรียนละครใบ้มาบ้าง เพราะชอบศาสตร์การแสดงที่สื่อสารด้วยภาษาร่างกาย เป็นภาษาสากล ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย นักแสดงต้องย่อความคิดของเขาออกมาเป็นท่าทางให้ตรงประเด็นที่สุด”

นอกจากนี้เธอยังบอกว่า กำลังเตรียมทำงานนิทรรศการสตรีทอาร์ทแถวย่านเจเจมาร์เก็ต

“ปกติแล้ว ชอบใช้ลายเส้นขาวดำ แต่ช่วงนี้ชอบใช้สีแรงๆ เพราะโจทย์ที่ทางเอ็มบีเคให้มา เราอยากทำมานานแล้ว เป็นโจทย์ที่ทำให้เราไม่ยึดติดความจริง สเก็ตตัวละครเอง เรากำหนดสีและชีวิตให้พวกมัน ประติมากรรมที่ทำออกมาเป็นสามมิติ ไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ซึ่งการตีโจทย์ไม่ยาก และมีโอกาสใช้สีเต็มที่

ความยากง่าย อยู่ที่ว่า เราไม่รู้ว่า คนที่มาดูงานมีประเภทไหนบ้าง แล้ววัฒนธรรมคนไทยไม่เข้าใจเรื่องระยะห่างระหว่างศิลปะกับผู้ชม จึงมีทั้งคนไปโหน ห้อยบนปฎิมากรรม ทำให้เราต้องไปซ่อมงานอยู่ตลอดเวลา เพราะงานหัก ตัวไหนมีแขน คนก็ไปห้อยโหน และเราก็ยังจัดการไม่เป็น เพราะเป็นครั้งแรกของเรา “ เธอเล่าถึงงานปฏิมากรรมชิ้นใหญ่ เด็กผู้หญิงลำตัวสีม่วง ที่เธอวางคอนเซ็ปต์ไว้ว่า เธอเป็นหัวหน้าขบวนคาร์นิวัล เป็นตัวแทนของวัยระหว่างเด็กและผู้ใหญ่

ปฎิมากรรมน้องมังคุด หัวหน้าคาร์นิวัลจะนั่งถือลูกบอลขนาดเล็กที่เรียกว่า ลูกประหลาด รายล้อมด้วยรถละครสัตว์จากต่างดาว ที่มีปฏิมากรรมผู้หญิงรูปร่างบอบบางนามว่า มิ้งกี้ เป็นผู้ควบคุมเหล่าสัตว์รูปร่างแปลกตา อาทิ เจ้าหมอก ซึ่งเป็นน้องหมาที่มีหน้าเป็นดอกไม้ ช้างที่มีลำตัวเป็นกล้วย เรียกกันว่าชล้วย พาเหรดทหารแอปเปิ้ลที่มี3 แขน และนี่คือความแปลกใหม่เพื่อสร้างความแตกต่างจากธีมคริสต์มาส” ฝ้ายเล่าถึง ปฎิมากรรม แนวแฟนตาซีละครสัตว์ที่มีรูปแบบผสมผสานความเป็นไทยและสากลเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

หากถามว่า ศิลปินสตรีทอาร์ทคนนี้ ชอบอ่านหนังสือแนวไหนฝ้ายบอกว่า อ่านทุกแนว วรรณกรรม นิยาย ชีวประวัติก็ชอบ

“ชอบแนวเหนือจริง ทำให้เรา้ก้าวข้ามความเป็นจริง อย่างการ์ตูนญี่ปุ่น เชิงปรัชญา นิยายของนักเขัียนชาวญี่ปุ่น มูราคามิ ชอบมาก“

อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะชอบออกไปวาดภาพบนผนังกำแพงตึกร้าง แต่เธอกลับชอบอยู่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก

“เป็นคนไม่ชอบเดินเรื่อยเปือย และไม่ชอบเที่ยวแบบไม่มีจุดหมาย แต่งานสตรีทอาร์ททำให้เราได้เจอเพื่อนและได้ทำงาน เวลาเจอเพื่อนก็คุยเรื่องศิลปะ คุยเรื่องอื่นก็ได้ แต่ต้องมีจุดหมาย        ประมาณว่า ต้องรู้ว่า เรามาทำอะไร เพื่ออะไร เป็นคนชอบทำงานมากๆ ถ้าได้ทำงาน รู้สึกชีวิตสมบูรณ์แล้ว”

แม้เธอจะบอกว่า ชีวิตต้องมีจุดหมาย แต่เธอก็ไม่เคยวางแผนว่า ในอีกกี่ปีข้างหน้าจะต้องมีเงินหรือประสบความสำเร็จแค่ไหนอย่างไร เธอแค่ทำงานในทุกๆ วันให้ดีที่สุด และวิธีการคิดแบบนี้ ทำให้เธอรู้ว่า ต่อไปเธอจะเป็นคนทำงานแบบไหน

“ชีวิตเราไม่มีคำตอบตายตัว เราทำงานทุกวัน ชีวิตก็เลยไม่มีคำถาม ทำงานศิลปะไม่เคยคิดว่า มันจะมีรายได้ ไม่เคยคิดเรื่องจุดหมายไกลๆ เราก็คิดว่า งานจะพาเราไปเอง”

เหมือนเช่นที่เธอบอกว่า แรกๆ ก็วาดผนังกำแพงตึกร้าง เพราะอยากวาด ทั้งๆ ที่ไม่มีใครจ้าง แต่ที่สุดแล้ว เมื่อคนเดินผ่านไปมาเห็นผลงานของเธอ ก็กลายเป็นงานศิลปะที่สร้างรายได้ มีคนจ้างให้วาดผนังห้องในรีสอร์ท โรงแรม และร้านค้าต่างๆ รวมถึงงานออกแบบอื่นๆ ด้วย