ททท.ผนึกแอตต้าดึงทัวริสต์จีนเที่ยว‘เมืองรอง’

ททท.ผนึกแอตต้าดึงทัวริสต์จีนเที่ยว‘เมืองรอง’

ททท.ผนึกแอตต้า โหมตลาดจีนต่อเนื่องหลังยอดมาไทยปี 60 ทะลุ 9.8 ล้านคน โกยรายได้ 4.8 แสนล้าน เร่งกระจายความหนาแน่นลงเมืองรอง

นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า  รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าตลาดจีนมาไทยปี 2560 มีจำนวน 9.8 ล้านคน เติบโต 11% สร้างรายได้ราว 4.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% สรุปได้ว่าสถานการณ์จีนกลับมาเป็นปกติแล้ว หลังผ่านการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญเมื่อปลายปี 2559 และกระทบต่อยอดการเดินทางบ้างในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 เพราะการเดินทางมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ราว 9.5 ล้านคน

โดยบริษัทนำเที่ยวประเมินว่ายอดจองยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องอีก 2-3 เดือนหลังเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นในปี 2561 ยังคงตั้งเป้าหมายรายได้จากตลาดจีนเติบโต 10% หรือคิดเป็น 5.28 แสนล้านบาท เป็นอย่างต่ำในช่วงที่ตลาดจีนยังมีความต้องการเดินทางมาไทยสูง และยังมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขัน เนื่องจากทัวร์จีนยังไม่เทกลับไปยังประเทศใกล้เคียงที่เคยระงับการเดินทาง อาทิ เกาหลีใต้ อย่างเต็มที่ จึงทำให้ไทยยังเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ 

ดังนั้นจึงเตรียมเดินหน้าส่งเสริมการตลาดต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรก เดือน มี.ค.นี้ ร่วมมือกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) จัดโรดโชว์กระตุ้นตลาดเมืองรองในจีน 4 เมือง ได้แก่ จีหนาน, สือ เจีย จวง, เจิ้งโจว และอู่ฮั่น ที่มีการเดินทางไม่ไกลจากเมืองหลักอย่าง ปักกิ่ง เพื่อทำตลาดนักท่องเที่ยวมาไทยครั้งแรกเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีฐานตลาดในเมืองใหญ่แข็งแรงพอสมควรแล้ว

นอกจากนั้น สานต่อนโยบายรัฐบาลในการกระจายรายได้เข้าสู่เมืองรอง ด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับชุมชนและบริษัทนำเที่ยวเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นอุปสรรคว่าระดับชุมชนที่พร้อมรับการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปใหญ่นั้นยังมีจำนวนจำกัด จึงอาจผลักดันให้ไปเที่ยวในระดับจังหวัดที่เป็นจังหวัดรองไปก่อน 

ขณะเดียวกัน จะทำตลาดเชิงรุกในด้านการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์เองให้เป็นกลุ่มย่อย เพื่อกระจายเข้าสู่พื้นที่ชุมชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนแทนที่จะมาเป็นทัวร์รถบัสขนาด 30-40 คน ก็เหลือเป็นทัวร์รถตู้ไม่เกิน 8 คน และมีมัคคุเทศก์ที่ได้มาตรฐาน จัดโปรแกรมท่องเทียวใหม่ๆ หลีกเลี่ยงเส้นทางที่เป็นกระแสหลักได้

“หลังจากที่เริ่มหารือกับเอเยนต์ทัวร์ทางจีนแล้ว มีความพร้อมในการจัดโปรแกรมลักษณะดังกล่าวนำเสนอนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังติดปัญหาการขาดบริการจัดการรับช่วงต่อในไทยเอง เพราะทัวร์กลุ่มย่อยต้องเตรียมความพร้อมมากขึ้น เช่น มีมัคคุเทศก์มากขึ้น และต้องนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวรองและกิจกรรมในพื้นที่นั้นๆ ที่มีความน่าสนใจได้”

ดังนั้น หลังจากนี้จะร่วมมือกับแอตต้าเพิ่มเติมในการจัดทัวร์เอดูเคชันทัวร์ให้กับเอเยนต์ในไทยเอง เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ พร้อมประชุมรับฟังปัญหาว่า หากจะจัดบริการนำเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวรอง ยังมีปัญหาและอุปสรรคใดที่ต้องการให้ช่วยเหลือ เช่น ต้องการให้ช่วยจัดเส้นทางและนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวหรือไม่ หรือควรพัฒนาความพร้อมด้านซัพพลายอย่างไรในพื้นที่นั้นๆ

ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ประกอบการต้องปรับตัวจากรูปแบบเดิมๆ แต่ข้อดีคือรายได้และกำไรต่อหัวที่จะเพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับพฤติกรรมท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปเป็นตัวเลือกให้กลุ่มที่เดินทางมาซ้ำ หรือตอบสนองความต้องการแบบเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ที่มากันเป็นหมู่คณะเพื่อนฝูงหรือครอบครัวมากขึ้นรองรับกลยุทธ์เจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพได้

ในเดือน มี.ค.นี้ ททท.ร่วมกับ แอตต้า จัดโปรแกรมต้อนรับเอเยนต์ทัวร์จากเกาหลีใต้ในนามของสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (คาต้า) ที่จะเดินทางมาราว 30 คน และจะนำเอเยนต์ไปแฟมทริปที่พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเยี่ยมชมสินค้าท่องเที่ยวใหม่ในพัทยาที่ฉีกจากภาพลักษณ์เดิมภายใต้แนวคิด Open to the new shades ที่เปิดตัวปลายปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน เตรียมกลยุทธ์แนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้เกาหลีใต้เพิ่มเติมจากที่รู้จักเชียงใหม่มากขึ้นจะขยายไป จ.เชียงราย โดยนำเสนอโปรแกรมเที่ยวเชื่อมโยงเชียงใหม่ ที่เริ่มมีเที่ยวบินตรงจากเกาหลีใต้ และเชื่อมจังหวัดที่นิยมเดิมอย่างกรุงเทพฯ ที่ปัจจุบันมีสายการบินเข้าเชียงรายเป็นตัวเลือกจำนวนมากขึ้น

สำหรับเป้าหมายในภาพรวมของตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ปี 2561 คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยว 27.3 ล้านคน สร้างรายได้รวม 1.25 ล้านล้านบาท