'องอาจ' ชี้ 'บิ๊กตู่' ทำตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ

'องอาจ' ชี้ 'บิ๊กตู่' ทำตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ

"องอาจ" เชื่อ นายกฯ ประกาศเป็นนักการเมือง ตามยุทธศาสตร์ สืบทอดอำนาจ ตั้งแต่หลังปฎิวัติ เตือน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.61 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหารและไม่ปิดทางตัวเองในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ว่า ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะการประกาศแนวทางการเมืองของนายกฯครั้งนี้ น่าจะผ่านการกลั่นกรองเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี ที่จะดำเนินการทางยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวทางการเมืองตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหารจนกระทั่งถึงปัจจุบันได้ดำเนินการตามแผนการหลักๆผ่านแม่น้ำ 5 สาย ที่แต่งตั้งโดยหัวหน้า คสช.และมีการดำเนินการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบมาตามลำดับ

นายองอาจ กล่าวว่า 1.กรธ.จัดทำรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยต่อการสืบทอดอำนาจด้วยการให้มีส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คน สามารถเลือกนายกฯได้และให้ที่ประชุมรัฐสภาสามารถเลือกนายกฯคนนอกที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้และยังมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราที่สนับสนุนการทำงานหลังจากสืบทอดอำนาจ 2.มีการจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระและการเลือกตั้งที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ และใช้อำนาจต่อไปในอนาคต

นายองอาจ กล่าวต่อว่า 3.ถึงแม้พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้วก็ไม่ยกเลิกคำสั่งคสช. ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ จากนั้นก็ใช้ ม. 44 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหาสาระของกฎหมายพรรคการเมืองโดยเฉพาะการรีเซ็ตสมาชิกพรรคทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการของการนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ 4.การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดรับการสืบทอดอำนาจหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การตั้งคำถามประเด็นการเมือง ให้ประชาชนตอบทั้ง 4 ข้อ และคำถาม 6ข้อ รวมถึงการลงพื้นที่ ที่มีความถี่สูง มีการอัดฉีดเม็ดเงินในการผลักดันโครงการต่างๆ จำนวนมาก 5.เครือข่ายของผู้มีอำนาจหลากหลายฝ่ายได้เดินสาย ขยายฐานรวบรวม นักการเมือง พรรคการเมือง รวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นฐานรองรับการเข้าสู่อำนาจตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ

ทั้งนี้การประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตนเองในการเป็นนายกฯคนนอก จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการเดินไปสู่เป้าหมายในการสืบทอดอำนาจ และเชื่อว่านับจากนี้เป็นต้นไป อาจมีการใช้ม.44 และใช้อำนาจต่างๆเพื่อขจัดปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่การจะดำเนินการไปสู่เป้าหมายได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัยหลายประการ

นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการใช้อำนาจในช่วงหนึ่งปีกว่ากว่าๆ หลังจากนี้ไปจะต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าท่านนายกฯและรัฐบาล รวมทั้งบริวารแวดล้อม ของท่านตั้งใจทำงาน ใช้อำนาจเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องและไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ แต่อย่างใด แต่ถ้าใช้อำนาจเพื่อตนเอง และพวกพ้องปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ หนทางแห่งการสืบทอดอำนาจก็อาจจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปตามใจปรารถนาก็ได้