คดีไม่จบ! มือยิงเก๋งผ่านด่าน โอดเป็นแพะ

คดีไม่จบ! มือยิงเก๋งผ่านด่าน โอดเป็นแพะ

คดีไม่จบ! ญาติผู้ต้องหาคดียิงเก๋งคาด่านตรวจ ขอประกันตัว โอดเป็นแพะ-ขอความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.61 ที่ศาล จ.เชียงราย นายสุทธินันท์ พ่วงภิญโญ ทนายของนายวุฒิชัย อินใจ อายุ 46 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านป่าเหียง หมู่ 14 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาในคดียิงนายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปีชาวบ้านเลขที่ 517 ม.16 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ขณะขับรถผ่านด่านตรวจชุมชนบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ต.ท่าก๊อเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยญาติอีกหลายคนได้เดินทางไปติดต่อกับศาลเพื่อขอประกันตัวนายวุฒิชัย หลังจากทางตำรวจได้จับกุมตัวและส่งฝากขังเพื่อสอบสวนเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวจึงไม่ได้รับการประกันตัว

ซึ่งญาติของนายวุฒิชัยซึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า อยากทราบว่าผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เพราะตามความจริงแล้วทุกคนอาจจะทราบดีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ความยุติธรรมคืออย่างไร เพราะบางทีอาจมีคนยิงปืนในที่เกิดเหตุถึง 3 คน แต่ละคนต่างมีอำนาจหน้าที่แต่กลับจับกุมคนมาดำเนินคดีเพียงแค่ 1 คนรวมทั้งยังกลายเป็นผู้ต้องหาของสังคมคนเดียวอีกด้วยจึงสงสัยว่าคนที่เหลือไปอยู่ไหน

“ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วเขาร้องไห้ และขอให้ช่วยประกันตัวออกไปด้วย โดยตอนแรกเขาก็อุ่นใจว่าทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจะช่วยเหลือได้โดยนำตำแหน่งมาประกันตัวแต่ก็ไม่ได้ เราจึงอยากให้มีการแสดงความจริงใจ และรับผิดชอบด้วยโดยมีใจช่วยเหลือต่อกันเพราะทุกคนทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองสังคม และเพื่อคนอื่นทั้งนั้น แต่พอเกิดเรื่องต้องมารับกรรมและรับผิดชอบคนเดียวทั้งหมดเลยตนมั่นใจมากกว่า 100% ว่านายวุฒิชัยไม่ได้ยิงปืนใส่รถผู้ตาย และเขาก็บอกว่ามีพยานเห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุแต่ช่วงแรกทุกคนอาจไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะมีผลกระทบหรือผลสะท้อนกลับ โดยเฉพาะเมื่อมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อไปในทำนองว่าเป็นผู้กระทำความผิดไปแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์สิ่งใดชัดเจน ขณะเดียวกันผู้ที่มีหน้าที่ก็สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้แต่ก็ไม่ทำกลับกลายเป็นเรื่องกำกวมให้เกิดความสงสัยอยู่ตลอด แม้แต่ผู้ต้องหาและญาติก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ญาตินายวุฒิชัย กล่าว

ญาตินายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า นายวุฒิชัยระบุว่าในที่เกิดเหตุมีคนยิงปืนจำนวน 3 คน โดยนายวุฒิชัยเองยิงขึ้นฟ้าจำนวน 3 นัดส่วนอีก 2 คนมีพยานเห็นซึ่งนายวุฒิชัย ก็ไม่อยากไปพาดพิง เพราะหากจะพูดถึงเรื่องการให้ความรัก ความผูกพัน ความสามัคคีในองค์กรแล้วเขาจะไม่พาดพิงถึงใครเข้าทำนองเป็นคนไม่ฟ้องนายไม่ขายเพื่อนโดยเป็นคนเสียสละ และมีอุดมการณ์ แต่กลับกลายเป็นว่าการเสียสละเพื่อชะลอแรงกดดันที่ชาวบ้านไปกดดันตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหาร แต่ตัวเขาเองกลับต้องมารับเคราะห์กรรมเองทั้งหมด

ด้านนายสุทธินันท์ กล่าวว่าได้รับทราบจากผู้ต้องหาว่าคืนเกิดเหตุมีรถผู้ตายผ่านมาตนจึงให้สัญญานหยุดแต่รถไม่หยุดคาดว่าคงไม่ได้ยิน จึงยิงปืนขนาด 9 มม.ขู่ขึ้นฟ้าเพื่อขู่จำนวน 3 นัด จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ยินเสียงจากด้านข้างอีก 1 นัดโดยให้การกับพนักงานสอบสวนเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น รวมทั้งยังบอกว่ามีคนอื่นอีก 2 คนเห็นผู้ที่ใช้ปืนยิงด้วย ดังนั้นสิ่งที่รอคือเรื่องวิถีกระสุนและลูกกระสุนที่ฝังในศีรษะผู้ตายเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นขนาด 9 มม.หรือไม่เท่านั้นขณะที่ในวันดังกล่าวทั้งอาสาและทหารอยู่ด้วยกันด้วย