สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 3-5 มกราคม 2560

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 3-5 มกราคม 2560

“เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานเหนือ 1,800 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์”

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 ปีที่ 32.16 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินหลายสกุล ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน รวมถึงรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐ ยูโรโซนและจีนที่ออกมาค่อนข้างดี หนุนการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง สกุลเงินในเอเชีย และค่าเงินบาท นอกจากนี้ สถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ (37.5 พันล้านบาทในระหว่างสัปดาห์) ก็เป็นปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทด้วยเช่นกัน  

- สำหรับในวันศุกร์ (5 ม.ค. 61) เงินบาทอยู่ที่ 32.21 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ธ.ค. 60)  

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค. 2561) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.00-32.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยอาจต้องจับตาการตอบรับของตลาดต่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญอื่นๆ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. 2560 นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน 

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,803.93 ก่อนจะปิดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 1,795.45 เพิ่มขึ้น 2.38% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 74.52% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 88,049.46 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 537.46 จุด ลดลง 0.54% จากสัปดาห์ก่อน

- ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า จะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ออกมาบ้างในช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ได้รับแรงหนุนทั้งจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ออกมาในทิศทางที่ดี ประกอบกับการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ฯ และแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,785 และ 1,775 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,810 และ 1,830 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ แรงขายกองทุน LTF ที่ถือครองครบ 5 ปีปฏิทิน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภค และยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย Halifax ของอังกฤษ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของจีน