รวมสุดยอดเหตุการณ์กีฬาโลก 2017 (ตอนจบ)

รวมสุดยอดเหตุการณ์กีฬาโลก 2017 (ตอนจบ)

ช่วงปลายปีคือช่วงเวลาสำคัญและมักเป็นตัวตัดสินตำแหน่งแชมป์ของแต่ละวงการหลังจากผ่านพ้นการขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่ต้นปี สำหรับวงการกีฬาโลกปี 2017 บทสรุปในช่วงท้ายปีถือว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“สตีเฟนส์” คว้าแกรนด์สแลมแรกส่งท้ายปี
    หลังจากช่วงต้นปีได้เห็นโฉมหน้าของแชมป์หญิงเดี่ยวหน้าใหม่ในแกรนด์สแลมเฟรนช์ โอเพ่น กันไปแล้ว พอมาถึงแกรนด์สแลมสุดท้ายของปีอย่าง "ยูเอส โอเพ่น" แทบไม่มีแฟนลูกสักหลาดคนไหนจะคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดแชมป์หน้าใหม่เช่นดียวกันในรายการนี้
    สโลน สตีเฟนส์ นักเทนนิสม้ามืดจากสหรัฐ สร้างปรากฏการณ์ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในประเภทหญิงเดี่ยวศึก “ยูเอส โอเพ่น 2017” ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐ ได้แบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน โดยคู่ปรับในรอบชิงดำของเธอ ได้แก่ เมดิสัน คีย์ส มือ 15 ของรายการเพื่อนร่วมชาติ โดยสองนักหวดแดนลุงแซมต่างตีตั๋วเข้าชิงแชมป์แกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกด้วยกันทั้งคู่
    ผลปรากฏว่า สตีเฟนส์ ทำได้ดีกว่าเมื่อเอาชนะไปขาดลอย 2 เซตรวด 6-3, 6-0 ผงาดคว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการแรกในชีวิตไปครองได้สำเร็จ และเป็นนักเทนนิสหญิงที่ไม่ได้เป็นมือวางคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมในยุคโอเพ่น

ประท้วงฉาวเอ็นเอฟแอล
    ปีที่ผ่านมามีเรื่องขัดแย้งในศึกอเมริกันฟุตบอลที่ลุกลามใหญ่โต เมื่อ โคลิน แคเปอร์นิค ควอเตอร์แบ็กซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส แสดงจุดยืนต่อต้านความอยุติธรรมต่อสังคมที่เลือกปฏิบัติต่อคนผิวสี ด้วยการคุกเข่าระหว่างเพลงชาติบรรเลงในสนาม เป็นเหตุให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เข้ามาวิจารณ์การกระทำครั้งนี้ด้วยการเรียกร้องให้เจ้าของทีมในลีกเอ็นเอฟแอลไล่ผู้เล่นที่ไม่ยอมยืนเคารพเพลงชาติออกจากทีม
    แต่การเรียกร้องของผู้นำสหรัฐไม่เป็นผล เวลาต่อมามีผู้เล่นเอ็นเอฟแอลนับร้อยรายร่วมประท้วงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการปฏิเสธยืนเคารพเพลงชาติในสนามแข่งเช่นเดียวกับ แคเปอร์นิค
    ความคิดเห็นของทรัมป์ คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดกระแสต่างๆ ในระดับคลื่นมรสุมที่สะเทือนวงการอเมริกันเกมส์ จากการชันเข่าของ แคเปอร์นิค พัฒนาไปสู่การแสดงออกอื่นๆ เกือบ 32 ทีมในลีกออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน แต่ในแถลงการณ์แทบไม่มีความคิดเห็นจากเจ้าของทีม ซึ่งทำให้พอเข้าใจได้ว่าบรรดานักธุรกิจต่างเข้าใจดีว่ากีฬากับการเมืองเข้ากันได้ยาก ประกอบกับความกลัวเรื่องยอดขายตั๋วและเรตติ้งทีวี
    ส่วนตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้อย่าง โคลิน แคเปอร์นิค กลับต้องจ่ายราคาค่างวดอันแสนแพงจากการแสดงออกถึงจุดยืนของตนเอง ด้วยการกลายเป็นบุคคลว่างงานตั้งแต่ปี 2016 ทั้งที่ผู้เล่นคนอื่นต่างทำตามเขา แต่เจ้าตัวกลับโดนสังคมลงโทษคนเดียว

“เฟอร์ดินานด์” รอขึ้นสังเวียน
    กลายเป็นข่าวที่สร้างความประหลาดใจสำหรับแฟนวงการลูกหนังรวมถึงคอหมัดมวยไม่น้อย เมื่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตนักฟุตบอลชื่อดังหันมาเอาดีทางวงการหมัดมวย
    อดีตปราการหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้แค่สร้างกระแสให้ตกใจเท่านั้น โดยเขาถึงขั้นรอให้คณะกรรมการกีฬามวยของสหราชอาณาจักร ออกใบอนุญาตในการเป็นนักมวยอาชีพแบบเต็มตัว เพื่อจะได้ขึ้นสังเวียนแบบนักชกอาชีพซึ่งเจ้าตัวมีความชื่นชอบเป็นพิเศษ
    ก่อนหน้านี้ เฟอร์ดินานด์ ในวัย 38 ปี แสดงความสนใจในกีฬาชกมวยอย่างจริงจัง เมื่อโพสต์คลิปขณะฝึกซ้อมมวยอยู่หลายครั้ง โดยปัจจุบันมี ริชี วูดฮอลล์ อดีตแชมป์รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวทของสภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) มาเป็นโค้ชดูแลให้แบบจริงจังเลยทีเดียว ซึ่งเวลานี้แฟนๆ ได้แต่ตั้งตารอว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นอดีตแข้งปีศาจแดงขึ้นสังเวียนกำปั้นเสียที

บัลลงดอร์สมัย 5 ของโรนัลโด
    เป็นอีกหนึ่งปีทองสำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ของเรอัล มาดริด เมื่อสามารถคว้ารางวัลเกียรติยศส่วนตัวมาประดับตู้โชว์เพิ่มอีกหนึ่งรางวัล
    ผลงานยิง 42 ประตู รวมทุกรายการ พาต้นสังกัด “ราชันชุดขาว” เถลิงบัลลังก์เจ้ายุโรปสมัยที่ 12 รวมถึงแชมป์ลาลีกา สเปน สมัยที่ 33 ของสโมสร ทำให้ดาวยิงกัปตันทีมชาติโปรตุกีส ผงาดคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 2017 จากนิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล ไปครองได้สำเร็จ และเป็นสมัยที่ 5 สูงสุดเทียบเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี ดาวยิงอาร์เจนไตน์ของบาร์เซโลนา
    ขณะเดียวกัน โรนัลโด ในวัย 32 ปี ยังกลายเป็นนักเตะอายุมากสุดตลอดกาลลำดับ 3 ที่สามารถคว้ารางวัลดังกล่าวมาครอง โดยอันดับ 1 เซอร์ สแตนลีย์ แมทธิวส์ ตำนานแข้งชาวอังกฤษ ที่คว้ารางวัลนี้คนแรกในปี 1956 ซึ่งขณะนั้นอายุ 41 ปี

32 ทีมฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
    อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของวงการลูกหนังที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ การคัดเลือก 32 ทีม ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซีย
    หลังจากที่เเข่งขันรอบคัดเลือกมายาวนาน ในที่สุด เปรู ก็เป็นชาติสุดท้ายที่สามารถคว้าตั๋วใบสุดท้ายไปลุยฟุตบอลโลกแดนหมีขาวได้สำเร็จ หลังเอาชนะ นิวซีแลนด์ ในการเพลย์ออฟเหย้า-เยือน ไปด้วยสกอร์ 2-0 ส่งผลให้ชาติตัวแทนจากอเมริกาใต้ผ่านเข้าไปลุยบอลโลกรอบสุดท้ายในรอบ 36 ปี
    นอกจากการผ่านเข้ารอบแบบไม่คาดคิดของเปรูแล้ว ยังมีหลายทีมที่ผ่านเข้ารอบได้แบบพลิกความคาดหมายและถือเป็นการสร้างสีสันให้มหกรรมลูกหนังครั้งนี้เป็นอย่างมาก ทั้ง ไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กที่สุดที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายศึกฟุตบอลโลกได้ด้วยจำนวนประชากรเพียง 350,000 คน, ปานามา ชาติเล็กจากโซนคอนคาเคฟ สร้างปรากฏการณ์ลุยฟุตบอลโลกหนแรก แถมเขี่ยสหรัฐ หลุดวงโคจรไปแบบเหลือเชื่อ, อียิปต์ ที่ผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 และโมร็อกโก ที่เข้าไปชิงชัยเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเช่นกัน
    ถึงกระนั้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ต้องมีทีมมหาอำนาจหลายรายที่อกหักไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกนี้ไปได้ไล่ตั้งแต่ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์, ขุนพล “อัซซูรี” อิตาลี, ชีลี และสหรัฐ ซึ่งการขาดหายไปของยักษ์ใหญ่เหลานี้ส่งผลต่อสีสันฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึงในกลางปีนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“แฮมิลตัน” แชมป์เอฟวันสมัย 4
    เวลานี้คงไม่มีนักแข่งรถสูตรหนึ่งคนไหนจะยิ่งใหญ่เท่ากับ ลูอิส แฮมิลตัน นักแข่งรถฟอร์มูลาวันชาวสหราชอาณาจักร สังกัดเมอร์เซเดส เอเอ็มจี ได้อีกแล้ว หลังจากผงาดคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 4 โดย 3 สมัยหลังสุดเกิดขึ้นในระยะเวลาห่างกันเพียง 4 ปี
    ช่วงเปิดฤดูกาลทิศทางและน้ำหนักดูจะเทไปที่ เซบาสเตียน เวทเทล คู่ปรับชาวเยอรมันของเฟอร์รารี ที่ฟอร์มร้อนแรง ซิวแชมป์สนามถึง 2 จาก 3 เรซแรก แต่สุดท้าย แฮมิลตัน ก็แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจรวมถึงสมรรถนะของรถแข่งคู่ใจที่ดีกว่า เข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครองโดยที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 สนาม
    แชมป์โลก 4 สมัย ของแฮมิลตัน เกิดขึ้นในปี 2008, 2014, 2015 และ 2017 ทำสถิติเท่ากับ อแลง พรอสต์ ยอดนักขับชาวฝรั่งเศส เป็นรองเพียง มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานนักขับชาวเยอรมันที่คว้าแชมป์โลกมากสุด 7 สมัย และถือเป็นนักขับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอังกฤษ
    
    ทั้งหมดนี้คือไฮไลท์ข่าวเด่นของวงการกีฬาโลกในรอบปี 2017 ที่รวบรวมมากระทั่งถึงตอนสุดท้าย ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าจดจำมากมาย จนหลายคนอยากหยุดช่วงเวลาแห่งความสุขไม่ให้หมุนผ่านไปไหน

 อย่างไรก็ตาม "หากคุณยังพูดถึงสิ่งที่คุณทำไปเมื่อวานนี้ คุณก็ไม่ได้ทำวันนี้ให้เต็มที่หรอก"