ดีแล้ว! 'บิ๊กตู่' เป็นนักการเมือง ย้ำปชป.รุกเป็นที่พึ่งปชช.

ดีแล้ว! 'บิ๊กตู่' เป็นนักการเมือง ย้ำปชป.รุกเป็นที่พึ่งปชช.

"อภิสิทธิ์" ชี้ดีแล้ว! "พล.อ.ประยุทธ์" ยอมรับเป็นนักการเมือง ย้ำ "พรรคประชาธิปัตย์" เดินหน้ารุกเป็นที่พึ่งของประชาชน เชื่อหลังจากนี้มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นอื้อ

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยอมรับว่าขณะนี้เป็นนักการเมืองแล้วว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะนายกฯเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมานานพอควร ก็ต้องมีความชัดเจน เพราะบทบาทที่ทำอยู่เป็นเรื่องของการเมืองทั้งนั้น แต่สังคมจะติดบทบาทของทหาร ซึ่งความหมายของทหารคือผู้ที่อยู่ในกองทัพ ที่มีบทบาทแตกต่างออกไป ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ถ้าแยกบทบาทชัดได้ก็เป็นเรื่องดี และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมาเข้าใจหัวอกนักการเมือง แต่ขอให้ปฏิรูปโดยทำให้เห็นว่านักการเมืองที่ดีจะต้องเป็นอย่างไร คือต้องมุ่งหน้าแก้ปัญหาให้กับประชาชน รับฟังเสียงประชาชน พร้อมรับการตรวจสอบ และยอมรับความแตกต่างทางความคิด

“ผมไม่ขอวิเคราะห์ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่าเป็นนักการเมือง ถือเป็นการเปิดตัวสำหรับอนาคตทางการเมืองหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ต้องถามนายกฯเอง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทำให้ประชาชนเห็นว่าเป็นที่พึ่งได้ และเชื่อว่าหลังจากนี้คงมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นหลายพรรค ส่วนจุดยืนของแต่ละพรรคจะเป็นอย่างไรคงต้องคอยติดตามดู ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าหากมีปัญหาเกี่ยวกับกรอบเวลาตามโรดแม็ปไม่ใช่ความรับผิดชอบของสภานิติบัญญัติฯ (สนช.) และคสช.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตารางเวลาเลือกตั้งผูกอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เงื่อนไขสำคัญคือกฎหมายลูกอีก 2 ฉบับที่ต้องเสร็จเรียบร้อยหากเลื่อนออกไป เหตุผลที่จะเกิดได้คือเรื่องของกฎหมาย จึงอยากให้คสช.มีความชัดเจน ตรงไปตรงมากับประชาชน หากตั้งใจเดินทางตามโรดแม็ปในฐานะผู้มีอำนาจ ก็ต้องรับผิดชอบให้เดินไปตามนี้ เพราะแม่น้ำทุกสายมาจากคสช.ทั้งสิ้น และคสช.ต้องรับผิดชอบกับผลงานต่างๆ ที่ออกมา การบระบุว่าในสามารถเหี่ยวข้องเรื่องกฎหมายได้นั้นไม่จริง เพราะคำสั่งคสช.ล่าสุดก็ออกมาแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง จึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะคสช.มีอำนาจพิเศษที่อยู่เหนือทั้งนิติบัญญัติและตุลาการตามมาตรา 44 ดังนั้นหากยืนยันตามโรดแม็ปก็ให้ประกาศมา ถ้ามีปัญหาจะช่วยแก้ไข แต่ถ้าคิดว่าจะไม่เอาตามโรดแม็ปก็ต้องบอกให้ชัดว่าเพราะอะไร จึงจะเรียกว่ามีธรรมาภิบาลตามที่นายกฯพูดทุกวัน

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คำสั่งคสช.ที่ 53/2560 ว่าด้วยเรื่องการดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังดูช่องทางทางกฎหมายอยู่ เพราะขณะนี้ตัวกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีผลบังคับใช้ จะสามารถยื่นตรงได้หรือไม่ หรือมีช่องทางในการยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นคนละช่องทางตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องดูให้รอบคอบว่าส่วนไหนมีความเหมาะสมที่สุด โดยฝ่ายกฎหมายจะสรุปและรายงานผลการพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในแง่ของการขัดรัฐธรรมนูญ ว่ากระทบใคร อย่างไรบ้าง ซึ่งอาจไม่ตรงกันระหว่างผลกระทบที่มีต่อสมาชิกพรรค และพรรค

ทั้งนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคเพื่อไทย ว่าได้ยืนยันหลายครั้งแล้วว่าพรรคมุ่งเตรียมความพร้อมเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้มากที่สุด การจะจับมือกับใครต้องยึดอุดมการณ์ที่ตรงกัน ซึ่งขณะนี้ไม่มีความคิดเรื่องนี้